จากกรณีการตรวจพบว่าบัญชีรับบริจาคของกองทุนอาทรประชานาถ วัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี ใช้เลขบัตรประชาชนที่ตรงกับของข้าราชการที่เสียชีวิตไปแล้ว โดยชื่อดังกล่าวตรงกับ นายอลงกต พลมุข ซึ่งภายหลังมีการอ้างว่าเป็นชื่อของอดีตเจ้าอาวาสวัดฯ ที่ประชาชนรู้จักในชื่อหลวงพ่ออลงกต ขณะที่เพจ Drama-addict ได้ทำการทดลองโอนเงินผ่านระบบพร้อมเพย์โดยใช้เลขบัตรประชาชนของนายอลงกต พลมุข พบว่าเงินสามารถโอนเข้าบัญชีของกองทุนดังกล่าวได้จริง สร้างความสงสัยว่าเลขบัตรประชาชนที่ตรงกับผู้เสียชีวิตนั้นถูกนำมาใช้ได้อย่างไร และใครเป็นผู้ดำเนินการเปิดบัญชีนี้
ล่าสุด ทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ จากเพจ "ทนายคู่ใจ" ออกมาให้ข้อมูลทางกฎหมายอย่างชัดเจนว่า หากมีการใช้ข้อมูลของผู้เสียชีวิตไปเปิดบัญชีเพื่อรับบริจาค อาจเข้าข่ายความผิดร้ายแรงถึง 2 ข้อหา คือ
1. ความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 14 – การนำข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์
2. ความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 343
ทนายรณณรงค์ระบุเพิ่มเติมว่า จุดสำคัญอยู่ที่ต้นตอของข้อมูล — หากชื่อและเลขบัตรประชาชนในใบสุทธิของพระภิกษุเป็นข้อมูลเดียวกับของผู้เสียชีวิตจริง และบัญชีดังกล่าวถูกนำไปใช้โฆษณารับเงินบริจาค ก็อาจมีผู้เกี่ยวข้องหลายรายที่ต้องถูกสอบสวน และอาจถึงขั้นถูกควบคุมตัวในภายหลัง
คำถามสำคัญจึงอยู่ที่ว่า หากมีการเปิดสอบสวนจริง จะมีผู้ใดบ้างที่ต้องรับผิดชอบ และจำนวนมากน้อยเพียงใด?
ทั้งนี้ ต่อมากรมการปกครองออกมายืนยันว่า เลขบัตรประชาชน 13 หลัก ของ “หลวงพ่ออลงกต” ไม่ตรงกับ “นายอลงกต พลมุข” ข้าราชการที่เสียชีวิตไปแล้วทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ได้โพสต์ข้อความผ่านเพจ "ทนายคู่ใจ" ว่า
ฟังผิวเผินอาจเหมือนเป็นการช่วยแก้ต่างให้วัดพระบาทน้ำพุ แต่จริง ๆ แล้ว การยืนยันแบบนี้ยิ่งตอกย้ำข้อสงสัยว่า…
• หากเป็น “คนละคน” จริง ทำไมเลข 13 หลักของผู้ตายจึงถูกใช้เปิดบัญชีธนาคารได้?
• และทำไมบัญชีดังกล่าวถึงถูกนำมาใช้เป็น ช่องทางรับบริจาคสาธารณะ?
• การที่ลูกศิษย์–เครือข่ายของวัดร่วมกันโฆษณารับบริจาคผ่านบัญชีนี้ → เข้าข่ายหลอกลวงประชาชน ตาม ป.อาญา ม.343 หรือไม่?
ตามกฎหมาย “ไม่รู้” ไม่ใช่ข้อแก้ตัว
• ถ้าใช้เลขบัตรผิดบุคคลเพื่อเรี่ยไร → เสี่ยงทั้ง ปลอมเอกสารราชการ (ม.267–268)
• ฉ้อโกงประชาชน (ม.343)
• และหากเงินถูกโอน–แปรสภาพต่อ → ฟอกเงิน
คือที่พิมพ์พิมพ์มาเราก็เห็นกันอยู่คาตาแต่ไม่มีใครยอมรับความจริง!ทั้งนี้ ต่อมากรมการปกครองออกมายืนยันว่า เลขบัตรประชาชน 13 หลัก ของ “หลวงพ่ออลงกต” ไม่ตรงกับ “นายอลงกต พลมุข” ข้าราชการที่เสียชีวิตไปแล้ว
ฟังผิวเผินอาจเหมือนเป็นการช่วยแก้ต่างให้วัดพระบาทน้ำพุ แต่จริง ๆ แล้ว การยืนยันแบบนี้ยิ่งตอกย้ำข้อสงสัยว่า…
• หากเป็น “คนละคน” จริง ทำไมเลข 13 หลักของผู้ตายจึงถูกใช้เปิดบัญชีธนาคารได้?
• และทำไมบัญชีดังกล่าวถึงถูกนำมาใช้เป็น ช่องทางรับบริจาคสาธารณะ?
• การที่ลูกศิษย์–เครือข่ายของวัดร่วมกันโฆษณารับบริจาคผ่านบัญชีนี้ → เข้าข่ายหลอกลวงประชาชน ตาม ป.อาญา ม.343 หรือไม่?
ตามกฎหมาย “ไม่รู้” ไม่ใช่ข้อแก้ตัว
• ถ้าใช้เลขบัตรผิดบุคคลเพื่อเรี่ยไร → เสี่ยงทั้ง ปลอมเอกสารราชการ (ม.267–268)
• ฉ้อโกงประชาชน (ม.343)
• และหากเงินถูกโอน–แปรสภาพต่อ → ฟอกเงิน
คือที่พิมพ์พิมพ์มาเราก็เห็นกันอยู่คาตาแต่ไม่มีใครยอมรับความจริง!