วันที่ 24 ส.ค.2568 เวลา 10.00น. ที่พรรคเพื่อไทย น.ส. ชญาภา สินธุไพร รองโฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงชี้แจงกรณีที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรถูกสั่งปิดอย่างกะทันหันเมื่อวันที่ 21 ส.ค.ที่ผ่านมา ยืนยันว่า รัฐบาลไม่ได้มีเจตนาแอบแฝง เพื่อหลีกเลี่ยงการพิจารณาญัตติของฝ่ายค้านที่ต้องการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อศึกษา MOU 43 และ MOU 44 ตามที่มีการกล่าวอ้าง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเพียง ความคลาดเคลื่อนในการสื่อสาร ระหว่างประธานสภากับวิปฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน โดยพรรคเพื่อไทยมีจุดยืนที่ชัดเจนในการทำงานผ่านระบบรัฐสภา และพร้อมที่จะให้สภาเป็นเวทีในการแก้ไขปัญหาของประชาชน พร้อมทั้งเชิญชวนให้ฝ่ายค้านสามารถ เสนอญัตติ ดังกล่าวเข้ามาใหม่ได้ เพื่อให้สภาผู้แทนราษฎรได้พิจารณา
MOU 43 และ MOU 44 เครื่องมือสำคัญเพื่อรักษาอธิปไตย
รองโฆษกพรรคเพื่อไทยย้ำถึงจุดยืนของพรรคในการ ปกป้องอธิปไตยและบูรณภาพของดินแดน บนพื้นฐานของข้อเท็จจริง โดยชี้แจงว่า MOU ทั้งสองฉบับมีความสำคัญอย่างยิ่งและไม่ได้เป็นการกระทำที่ทำลายชาติอย่างที่มีการบิดเบือน MOU 43 (พ.ศ. 2543) เป็นเพียงกรอบความร่วมมือเพื่อจัดตั้ง คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (JBC) เพื่อสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบกกับกัมพูชา ไม่ได้มีเป้าหมายเพื่อกำหนดเขตแดนใหม่ MOU 44 เป็นกรอบการเจรจาเพื่อปักปันเขตทางทะเลและการพัฒนาร่วมในพื้นที่อ้างสิทธิทับซ้อน โดยใช้หลัก การเจรจาทวิภาคี ตามกฎหมายระหว่างประเทศ
น.ส. ชญาภา เน้นย้ำว่า การยกเลิก MOU ทั้งสองฉบับโดยปราศจากการประเมินผลกระทบอย่างรอบด้าน อาจส่งผลให้ไทย สูญเสียกลไกสำคัญ ที่ใช้ในการเจรจาและแก้ไขปัญหาเขตแดนอย่างสันติ และอาจเปิดโอกาสให้บุคคลที่สามเข้ามามีอำนาจในการชี้ขาดเรื่องดินแดนระหว่างสองประเทศ ซึ่งอาจนำไปสู่การละเมิดอธิปไตยครั้งใหญ่
ฝากถึง "พรรคคนรุ่นใหม่" เลิกพฤติกรรมการเมืองจัด หวังล้มรัฐบาล
น.ส. ชญาภา ยังได้กล่าวถึงพรรคการเมืองฝ่ายค้านที่พยายามใช้ประเด็นนี้เพื่อ สร้างกระแสความเกลียดชัง และหวังเพียงแค่ โค่นล้มรัฐบาล โดยเฉพาะพรรคการเมืองที่ประกาศตัวว่าเป็นตัวแทนคนรุ่นใหม่ ควรใช้ความรู้ความสามารถสร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง และขับเคลื่อนการเมืองด้วยเหตุผลและข้อเท็จจริงมากกว่าการเล่นเกมการเมืองเพื่อหวังผลทางการเมืองเพียงอย่างเดียว