พะสงฆ์เชียงใหม่ กว่า 300 รูป ประชุมเข้มหารือกติการับเงินบริจาควัด เน้นทำบัญชีรายรับรายจ่ายให้เกิดความโปร่งใส พร้อมกำชับทบทวนธรรมวินัย ฟื้นศรัทธาในส่วนที่เสียไป จากพุทธศาสนิกชน ด้านที่ปรึกษา ประธานกรรมาธิการ การศาสนา ศิลปะ วัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร เข้าให้กำลังใจพระสงฆ์ที่ปฏิบัติชอบ พร้อมถวายปัจจัย ซื้อเครื่องตรวจข้อสอบ มอบมหาวิทยาลัยสงฆ์
ที่ศาลาใหม่ วัดสวนดอกพระอารามหลวง อ.เมืองเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่ ตามที่สำนักงานเจ้าคณะอำเภอเมืองเชียงใหม่ วัดร่ำเปิง (ตโปทาราม) ต.สุเทพ อ.เมืองเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่ ทำหนังสือ เชิญประชุมพระสังฆาธิการระดับวัด คณะสงฆ์จังหวัดเชียงใหม่ โดยเชิญเจ้าคณะตำบลทุกตำบล พระเลขานุการเจ้าคณะ เจ้าอาวาสวัดตลอดจนผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัด ในเขตปกครองคณะสงฆ์อำเภอเมืองเชียงใหม่ เข้าร่วมประชุมใหญ่ที่วัดสวนดอก พระอารามหลวง รวมพระสงฆ์จากวัดต่างๆกว่า 300 แห่ง จำนวนกว่า 300 รูป ร่วมประชุม ซึ่งถือเป็นการประชุมพระสังฆาธิการสัญจรครั้งที่ 2 ซึ่งในปี 2568 กำหนดจัดขึ้น 8 ครั้งการประชุมดังกล่าวมีพระเทพมังคลาจารย์ เจ้าคณะจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานการประชุมสัญจรพระสังฆาธิการระดับเจ้าอาวาส รองจ้าอาวาส ผู้ช่วยเจ้าอาวาส และพระเลขานุการเจ้าคณะทุกตำแหน่ง
โดยหัวข้อการประชุมที่น่าสนใจ อยู่ในวาระที่ 3 เรื่องที่ 5 มติมหาเถรสมาคม ครั้งที่ 15/2568 มติที่ 495/2568 เรื่องแนวปฏิบัติการเปิดบัญชีเงินฝากธนาคาร การเบิกถอนเงินจากบัญชีเงินฝากธนาคารของวัด และแนวทางการจัดทำบัญชีรายรับ บัญชีรายจ่าย รายงานเงินสดคงเหลือของวัด หรือระบบบัญชีมาตราฐานของวัด ถือว่าเป็นวาระที่สำคัญในการประชุมครั้งนี้ เนื่องจากที่ผ่านมามีข้อพิพาท และเกิดเป็นคดีกับหลายวัด ถึงความไม่โปร่งใสในการนำเงินบริจาค เงินทำบุญจากศรัทธาญาติโยม ไปใช้ในการส่วนตัวหรือใช้ในทางที่ไม่เหมาะสม สร้างความเสื่อมเสียกับวงการสงฆ์เป็นอย่างมาก
ผู้ร่วมประชุมครั้งนี้ประกอบด้วย นางสาวกชพร เวโรจน์ หรือ มาดามหยก ที่ปรึกษาประธานกรรมาธิการ การศาสนา ศิลปะ วัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร และ หัวหน้าพรรคก้าวอิสระ (INDY) และในฐานะประธานชมรม Change Together by มาดามหยก และ INDY TEAM เข้าให้กำลังใจพระสงฆ์ โดยได้มอบปัจจัยค่าใช้จ่ายน้ำปานะ และสนับสนุนงบประมาณในการซื้อเครื่องตรวจข้อสอบให้มหาวิทยาลัยสงฆ์ ช่วงก่อนประชุมครั้งนี้ โดยพระเทพมังคลาจารย์ เจ้าคณะจังหวัดเชียงใหม่ เป็นผู้รับมอบปัจจัยดังกล่าวไว้ เพื่อใช้ตามวัตถุประสงค์อันเกิดประโยชน์ต่อวงการสงฆ์ต่อไป
ซึ่งการประชุมประชุมพระสังฆาธิการสัญจร ทางคณะสงฆ์จังหวัดเชียงใหม่ ได้มีแผนการลงพื้นที่ประชุมฯทั่วทั้งจังหวัดเชียงใหม่ ตั้งแต่อำเภอทางตอนเหนือและพื้นที่ทางตอนใต้ของจังหวัดเชียงใหม่รวมทั้งหมด 8ครั้งเริ่มตั้งแต่วันที่ 19 สิงหาคมที่ผ่านมา จนถึงวันที่ 17 กันยายน 2568 ให้ครอบคลุมทั่วทุกพื้นที่ในจังหวัดเชียงใหม่ ที่มีวัดจำนวน 1,258 วัด และสำนักสงฆ์อีก 470 แห่งรวมทั้งหมดกว่า 3,000รูป เพื่อให้เป็นแนวทางเดียวกันในการปฏิบัติตามมติมหาเถรสมาคม
ขณะที่นางสาวกชพร เวโรจน์ ที่ปรึกษาประธานกรรมาธิการ การศาสนา ศิลปะ วัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า วันนี้ตนตั้งใจมาให้กำลังใจพระเถระชั้นผู้ใหญ่และพระสงฆ์ที่มาร่วมประชุมกันในวันนี้ จากที่ประเทศไทยประสบปัญหาต่างๆ มากมาย เช่น ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ก็ต้องให้กำลังและช่วยเหลือ และเมื่อมีปัญหาเรื่องที่เกี่ยวกับพระพุทธศาสนา ตนในฐานะคนไทยคนหนึ่งก็จะถวายกำลังใจให้พระสงฆ์ พร้อมมอบเงินสนับสนุนเลี้ยงน้ำปานะ และมอบเงินซื้อเครื่องตรวจข้อสอบให้มหาวิทยาลัยสงฆ์ มอบเงินทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาไปจำนวนหนึ่ง
โดยมาดามหยก เปิดเผยว่า ตนเชื่อว่า ทุกศาสนาสอนให้ทุกคนเป็นคนดี มนุษย์ในสังคมมีทั้งคนดีและคนไม่ดี แต่หากใครคนใดคนหนึ่ง หรือพระสงฆ์คนหนึ่งทำผิด อย่าไปเหมาร่วมว่าทุกคนจะเป็นคนไม่ดี เพราะหากทุกศาสนาเป็นที่พึ่งของเราแล้ว และเมื่อวันใดวันหนึ่งศาสนาขาดที่พึ่ง เราก็ต้องเข้ามาให้กำลังใจผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบได้
ขณะที่พระครูปลัดธีร์นวัช ญาณสิทฺธิวาที เจ้าอาวาสวัดยางกวง ได้พูดถึงประเด็นข่าวที่สร้างความเสื่อมเสียต่อวงการสงฆ์ที่มีมาเป็นระยะ ว่าทุกอย่างเป็นไปตามสภาวะ กำลังใจของแต่ละคน อย่างพระเราเองไม่ว่าเรื่องอะไรเกิดขึ้นเราก็พูดไม่ได้อยู่แล้ว พูดก็เหมือนจะแก้ตัว วิธีของพระก็คืออวิหิงสา คือข่มจิตข่มใจ ขันติภายในใจ ก็อยากเจริญพรพวกเราทุกคนว่า เวลาที่เราเห็นอะไรไม่ดี ก็อยากให้แบ่งใจและให้เห็นว่ามันก็เป็นธรรมดา เป็นธรรมชาติของสรรพสิ่งทั้งหลายทั้งปวง มีดีบ้างไม่ดีบ้าง ในส่วนที่ดีเราจะช่วยกันธำรงค์ยังไง ในส่วนที่ไม่ดีเราก็ควรที่จะให้กำลังใจ เขาก็อาจจะปรับเนื้อปรับตัว อย่างน้อย ๆ ก็ยังเป็นประชาชนในสังคมของเราอยู่ ผิดพลาดไปแล้ว อย่างน้อยอาจไม่ได้กลับมาบวช แต่ว่ายังเป็นประชาชนที่ดีของสังคมได้ต่อไป อยากให้พวกเรา ให้ที่ยืน สำหรับคนทุก ๆ คน
พระครูปลัดธีร์นวัช ญาณสิทฺธิวาที กล่าวเพิ่มเติมถึงประเด็นการรับเงินบริจาคของวัดล่าสุดคณะสงฆ์จังหวัดเชียงใหม่ ได้ประชุมหารือเกี่ยกับการรับบริจาคเงินวัด ตลอดจนรายรับรายจ่ายซึ่งเป็นการนำร่องในการปฏิบัติ ซึ่งเน้นความโปร่งใสและการจัดทำบัญชี เพื่อให้เกิดความั่นคงและความสบายใจของพุทธศาสนิกชน ที่มาทำบุญและบริจาคปัจจัย ซึ่งคณะสงฆ์ที่มาประชุมส่วนใหญ่เห็นว่าทุกวัดควรมีการทำรายรับรายจ่ายอย่างละเอียดเช่นประจำวัน ประจำอาทิตย์ ตลอดจนรายรับจ่ายจ่ายของวัดประจำเดือน ซึ่งอาจจะทำให้พระสงฆ์รับภาระเพิ่มมากขึ้นแต่เพื่อความโปร่งใสในเรื่องดังกล่าว นอกจากนี้คณะกรรมการวัด ไวยาวัจกรวัด ตลอดจนส่วนอื่นๆก็ต้องมาเรียนรู้ในการจัดทำบัญชีรายรับรายจ่ายเพื่อจได้ช่วยกันดูแลเงินส่วนนี้ให้ถูกต้องโปร่งใสด้วยเช่นกัน โดยจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคมนี้เป็นต้นไป