เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2568 ที่สถานีตำรวจภูธรพิชัย อำเภอพิชัย จังหวัดอุตรดิตถ์ พันตำรวจเอก โยธิน ยากองโค ผู้กำกับสถานีตำรวจภูธรพิชัย, พันตำรวจโทชาตรี เครือเถา สารวัตรตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดอุตรดิตถ์ พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดอุตรดิตถ์ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนสอบสวนและเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดป้องกันและปราบปรามสถานีตำรวจภูธรพิชัย นำตัวบุคคลที่ราบสูง สัญชาติพม่า 2 คน พร้อมชาวพม่าชาย-หญิงอีก จำนวน 47 คน รวมทั้งหมด 49 คน ออกจากห้องควบคุมตัวสถานีตำรวจภูธรพิชัย พร้อมสัมภาระกระเป๋าเสื้อผ้า ขึ้นรถยนต์ตู้ จำนวน 5 คัน เป็นชาวต่างด้าวที่หลบหนีเข้าเมือง เพื่อนำตัวผลักดันออกนอกประเทศไทย ที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองประจำแม่สาย จังหวัดเชียราย ให้กับด่านตรวจคนเข้าเมืองประเทศพม่า
สืบเนื่องจาก เมื่อเวลา 01.00 น.วันที่ 21 สิงหาคม 2568 พันตำรวจเอกไกรสิทธิ์ พรหมปฏิมา ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองอุตรดิตถ์ ได้รับแจ้งจากสายข่าวว่า มีบุคคลต่างด้าวจำนวนหลายคน หลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฏหมายมากับขบวนรถไฟขบวนที่ 14 ตู้ที่ 7-8 จากจังหวัดเชียงใหม่ จึงเดินทางตรวจสอบที่สถานีรถไฟศิลาอาสน์ แต่รถไฟได้ออกจากสถานีรถไฟศิลาอาสน์แล้ว จึงประสานงานแจ้งให้ พันตำรวจเอก โยธิน ผู้กำกับสถานีตำรวจภูธรพิชัย และ พันตำรวจเอกจิรกฤต ทองจินดา หัวหน้าศูนย์ควบคุมขบวนรถไฟสายเหนือรับทราบ พร้อมนำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรพิชัยและเจ้าหน้าที่ตำรวจรถไฟ เข้าตรวจสอบบุคคลที่ราบสูงไทใหญ่ สัญชาติพม่าพร้อมชาวพม่าชาย-หญิงอีก รวมจำนวน 49 คน ตามที่ได้รับแจ้ง โดยประสานงานกับทางหัวหน้าสถานีรถไฟบ้านดารา อำเภอพิชัย แจ้งให้หยุดรถไฟขบวนที่ 14 เชียงใหม่-กรุงเทพอภิวัฒน์ และเข้าตรวจค้นพบบุคคลต่างด้าวสัญชาติพม่าในรถตู้ที่ 7 และ 8 ตามที่ได้รับแจ้งมาจริง จึงเชิญตัวบุคคลต่างด้าวทั้งหมดลงจากรถไฟ ตรวจ สอบไม่พบหนังสือเดินพาสปอร์ตเอกสารที่รับรองสัญชาติของผู้ถือ และเป็นเอกสารแสดงตน (identity) ของผู้ถือ ซึ่งออกให้โดยรัฐบาลของแต่ละประเทศสำหรับใช้เดินทางระหว่างประเทศ จึงควบคุมชาวต่างด้าวสัญชาติพม่าทั้งหมดมาที่สถานีตำรวจภูธรพิชัย
จากการสอบปากคำ Mr. SAI SAM LAW อายุ 21 ปี บุคคลที่ราบสูง และ Mr. RUWAY TIMORSO อายุ 37 ปี ชาวพม่า ให้ปากคำว่ามีชาวไทใหญ่ สัญชาติเมียนมาร์ จำนวน 2 คน ชาวพม่าหรือเมียนมาร์ อีก 47 คน รวมทั้งหมด 49 คน มีอายุตั้งแต่ 17 ปี ถึง 45 ปี หลบหนีเข้ามายังประเทศไทย โดยตีตั๋วรถไฟขึ้นจากสถานีเชียงใหม่ ปลายทางกรุงเทพอภิวัฒน์ หวังเป็นลูกจ้างแรงงานในประเทศไทย และได้นัดพบตัวแทนรับจ้างแรงงาน สถานที่แห่งหนึ่งในกรุงเทพมหานคร เพื่อนำบุคคลทั้งหมดไปเป็นลูกจ้างแต่มาถูกจับได้เสียก่อน สำหรับตั๋วรถไฟนั้นได้แจ้งชื่อเป็นรายบุคคล โดยมีนายหน้าเป็นผู้ประสานนำตั๋วรถไฟมาให้กับทุกคนก่อนขึ้นรถไฟ เมื่อถึงสถานีที่กรุงเทพแล้ว ก็จะมีคนมารับไปทั้งหมดโดยที่ไม่ทราบว่าคนที่มารับนั้นเป็นใคร
เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อกล่าวหา เป็นบุคคลต่างด้าวสัญชาติเมียนม่าร์ หลบหนีเข้ามาในราชอาณาจักรไทย โดยไม่ได้รับอนุญาต นำตัวส่งพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรพิชัย พร้อมประสานเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดอุตรดิตถ์ เพื่อนำตัวบุคคลชาวต่างด้าวทั้งหมด ผลักดันออกจากประเทศไทย