“รัฐบาล”ยืนยัน“ไม่มีการเรียกประชุมรัฐสภาประกาศสงครามกับกัมพูชา” ย้ำสภาฯประชุม สว.สส.ทุกวันจันทร์-พฤหัสเป็นปรกติอยู่แล้ว ขอประชาชนอย่าหลงเชื่อข่าวเท็จบิดเบือน วอน”กัมพูชา”ยึดข้อตกลง 7 สค. ต้องไม่ปล่อยเฟคนิวส์ กระทบสันติภาพในภูมิภาค

นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และคณะกรรมการศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา (ศบ.ทก.)  กล่าวว่า ตามที่มีการเผยแพร่คลิปวิดีโอจากเพจ Bong Ah Run ซึ่งอ้างอิงข้อมูลจากสื่อท้องถิ่นในกัมพูชา ระบุว่า ประเทศไทยจะมีการประชุมรัฐสภาเพื่อประกาศภาวะสงครามกับกัมพูชานั้น  รัฐบาลขอยืนยันว่า “ไม่เป็นความจริง” เป็นการจงใจสร้าง “เฟคนิสว์” ข่าวเท็จบิดเบือนข้อมูลอย่างร้ายแรง โดยหวังสร้างความเข้าใจผิดต่อประชาชนและประชาคมโลก                       

ทั้งนี้รัฐบาลยืนยันว่า

1) ประเทศไทยไม่มีการเรียกประชุมรัฐสภาเพื่อประกาศสงครามกับประเทศใดๆหรือกับประเทศกัมพูชา และไม่มีการดำเนินการใด ๆ ที่จะนำไปสู่ภาวะสงครามอีกทั้ง การประชุมรัฐภาของไทยเป็นไปตามปรกติตามสมัยประชุมที่จะมีการประชุม สมาชิกวุฒิสภา ทุกวันจันทร์ และอังคาร ส่วนสภาผู้แทนราษฎรจะประชุมในวันพุธ และพฤหัสในทุกสัปดาห์อยู่แล้ว  

2) การกล่าวหาว่าไทย “ไม่ต้องการสันติภาพ” หรือ “จะโจมตีกัมพูชา” เป็นการป้ายสีที่บิดเบือน อย่างเลวร้าย และอาจสร้างผลเสียหายต่อการแก้ไขความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ

3) ไทยยึดมั่นในหลักการแก้ไขปัญหาด้วยสันติวิธี ผ่านกลไกทวิภาคี ทุกมิติ


ทั้งนี้ ประเทศไทยมุ่งมั่นแก้ไขปัญหาชายแดน อย่างสร้างสรรค์ และพร้อมเข้าร่วมการประชุมในทุกเวทีความร่วมมือ รวมถึงการผลักดันการเก็บกู้ทุ่นระเบิดตามแนวชายแดนอย่างต่อเนื่อง โดยคาดหวังให้ฝ่ายกัมพูชาจะเข้าร่วมการหารือด้วยความจริงใจเช่นเดียวกัน อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เกิดขึ้นในปัจจุบันเป็นการยั่วยุที่สร้างความตึงเครียดต่อการเดินหน้าไปสู่สันติภาพ ระหว่างทั้งสองประเทศและในภูมิภาค

"รัฐบาลขอความร่วมมือจากประชาชน อย่าหลงเชื่อ แชร์ หรือส่งต่อข้อมูลที่ไม่ได้รับการตรวจสอบ หากพบข้อมูลที่น่าสงสัย ขอให้ตรวจสอบกับหน่วยงานรัฐหรือช่องทางราชการที่เกี่ยวข้องก่อนเผยแพร่ เนื่องจากการบิดเบือนข่าวสาร จะเป็นอันตรายต่อประชาชน โดยประเทศไทยยังคงยึดมั่นสันติวิธีและความร่วมมือ เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยในภูมิภาค  อีกทั้งหน่วยงานราชการได้ตรวจสอบอย่างต่อเนื่องและได้ดำเนินคดีกับผู้จงใจสร้างข่าวเท็จ และนำไปเผยแพร่ต่อ จำนวนมากแล้ว” นายจิรายุกล่าว