วันที่ 22 ส.ค.68 ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ ด้วยกรมสอบสวนคดีพิเศษ เผยแพร่คำพิพากษาศาลอาญา คดีหมายเลขดำที่ อทย 54/2568 คดีหมายเลขแดงที่ อทย 390/2568 คดีขบวนการผลิต เผยแพร่ และส่งต่อภาพ/คลิปวิดีโอลามกผ่าน Website และ Telegram เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2568 ศาลอาญาได้มีคำพิพากษา ผู้ต้องหาจำนวน 3 ราย ได้แก่ 1 นายธัชพล (จำเลยที่1) ให้การปฏิเสธ ศาลมีคำสั่งให้แยกฟ้องเป็นคดีใหม่ 

โดยนายธนากร (จำเลยที่ 2) พนักงานอัยการ สำนักงานคดีพิเศษ ได้มีคำสั่งฟ้องในความผิดฐานกระทำอนาจารแก่บุคคลอายุกว่า 15 ปี โดยบุคคลนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ ตามประมวลกฎหมายอาญา ฐานครอบครอง สื่อลามกอนาจารเด็กเพื่อแสวงหาประโยชน์ในทางเพศสำหรับตนเองหรือผู้อื่น ฐานชักจูง ยุยง ส่งเสริม ให้เด็กซึ่งมีอายุต่ำกว่า 18 ปี แสดงหรือกระทำการอันมีลักษณะลามกอนาจารเพื่อให้ได้มาซึ่งค่าตอบแทน ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546 ศาลได้พิพากษาให้ลงโทษทุกกรรม จำคุก 4 ปี จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุกรวมทั้งสิ้น 1 ปี 12 เดือน และริบของกลางทั้งหมด 

นายทรงวุฒิ (จำเลยที่ 3) พนักงานอัยการ สำนักงานคดีพิเศษ ได้มีคำสั่งฟ้องในความผิดฐานยินยอมให้บุคคลอื่น ใช้บัญชีเงินฝาก บัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ของตน (บัญชีม้า) ข้อหายินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีเงินฝาก บัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ของตนโดยมิได้มีเจตนาใช้เพื่อตนหรือเพื่อกิจการที่ตนเกี่ยวข้องตามพระราชกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ. 2566 ศาลได้พิพากษาให้ลงโทษทุกกรรม จำคุก 4 เดือน จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุกรวมทั้งสิ้น 2 เดือน และริบของกลางทั้งหมด

กรณีดังกล่าวสืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2567 พันตำรวจตรี ยุทธนา  แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวน คดีพิเศษ มอบหมายให้ ร้อยตำรวจเอก เขมชาติ  ประกายหงษ์มณี ผู้อำนวยการกองคดีเทคโนโลยีและสารสนเทศ นำคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ เจ้าหน้าที่กองปฏิบัติการพิเศษ ร่วมมือกับสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล(PDPC) และสนธิกำลังร่วมกับลิฟท์อินเตอร์เนชั่นแนล (LIFT INTERNATIONAL) องค์การโอเปอร์เรชั่น อันเดอร์กราวน์ เรลโรด (OUR Rescue), มูลนิธิไซเอนเทียโปรแกรม (The Scientia Program) และมูลนิธิอินเทอร์เน็ตร่วมพัฒนาไทย (ThaiHotline)  ลงพื้นที่ตามหมายค้นและหมายจับ 4 จุดพร้อมกัน ในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี จังหวัดราชบุรี และจังหวัดตรัง เปิดปฏิบัติการจับกุมและตรวจค้นขบวนการผลิต เผยแพร่ และส่งต่อภาพ/คลิปวิดีโอลามกผ่าน Website และ Telegram ผู้ต้องหาทั้งหมด 4 ราย จับกุมตัวได้ 3 ราย ส่วนผู้ต้องหาที่หลบหนีอยู่ระหว่างติดตามให้ได้ตัวต่อไป

กรมสอบสวนคดีพิเศษ ขอเตือนว่าการล่อลวงเด็กให้ถ่ายภาพโป๊เปลือย ถือเป็นการ “กระทำอนาจาร” แม้ไม่เคยพบเหยื่อในชีวิตจริง แต่หากกระทำผ่านสื่อออนไลน์ก็มีความผิดและถูกลงโทษตามกฎหมาย อีกทั้งหากมีการรวมกลุ่มหรือสนับสนุนธุรกรรมใดๆ ให้เครือข่ายดังกล่าว ศาลถือว่าเข้าข่าย “องค์กรอาชญากรรม” มีโทษทางกฎหมายทั้งสิ้น จึงขอให้ผู้ปกครอง ครู และสังคมทุกภาคส่วนร่วมกันเฝ้าระวัง และหากพบเบาะแสสามารถแจ้งได้ที่สายด่วน DSI 1202 กองคดีเทคโนโลยีและสารสนเทศ ส่วนคดีละเมิดทางเพศเด็ก เพื่อให้เด็กได้รับการคุ้มครองอย่างทันท่วงที