วันที่ 22 ส.ค.68 ที่ บก.สอท.2 (เมืองทองธานี) พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณผบช.สอท., พล.ต.ต.อรรถสิทธิ์ สุดสงวน รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.ทินกรรังมาตย์ รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.กฤตัชญ์ บำรุงรัตนยศ ผบก.สอท.4, พ.ต.อ.นรวัตน์ คำภิโล รอง ผบก.สอท.4, พ.ต.อ.ดำรงศักดิ์ อ่อนตา รอง ผบก.สอท.4, พ.ต.อ.ศุภกร ธัญญกรรม รอง ผบก.สอท.4, พ.ต.อ.รังสิมันฑ์ วิจิตธำรงศักดิ์ ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สอท.4 แถลงข่าวจับกุมคู่รัก "ม้ากดเงิน" หลอกลงทุนเทรดหุ้น "โอ้กะจู๋" เชื่อมโยงแก๊งคอลฯ ข้ามชาติ
สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 30 มิ.ย.68 ผู้แจ้งได้พบเจอการลงทุนใน Facebook แอบอ้างเป็นบริษัท โอ๋กะจู๋ ชักชวนลงทุนเทรดหุ้น โดยให้แอดไลน์เพื่อพูดคุย และโอนเงินลงทุน ในช่วงแรกได้ผลกำไรกลับคืนมาจริง แต่เมื่อลงทุนในจำนวนที่มากขึ้น โดยทำตามกระบวนการที่คนร้ายแจ้งครบถ้วน และต้องการจะถอนเงินลงทุน ก็ถูกคนร้ายบ่ายเบี่ยง จึงรู้ว่าถูกหลอกทำให้ได้รับความเสียหาย ยอดรวม 1,248,505.40 บาท ซึ่งการกระทำดังกล่าวมีรูปแบบอาชญากรรมในลักษณะอาชญากรรมองค์กร มีการแบ่งหน้าที่กันทำ ตั้งแต่การหาบัญชีธนาคารและเปิดบัญชีเพื่อใช้รับโอนเงินที่หลอกลวงผู้เสียหาย จนไปถึงการถอนเงิน
ต่อมา กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สอท.4 ได้สืบสวนจนทราบว่า เงินของผู้เสียหายได้ถูกโอนเข้าบัญชีม้าเพียงทอดเดียวแล้วถูกถอนออกทันที ผ่านตู้ ATM ในเขตจังหวัดชลบุรีหลายจุด จึงได้ทำการสืบสวนขยายผล จนกระทั่งรู้ตัวผู้ถอนเงิน และขอศาลออกหมายจับบุคคลทั้งสอง พร้อมกันนี้จึงได้ขอหมายค้นจากศาลพัทยา เข้าทำการตรวจค้น คอนโดมิเนียมแห่งหนึ่ง ใน ต.นาเกลือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี
ผลการตรวจค้นพบ นายชาร์ลี อายุ 24 ปี และ น.ส.โชติกา อายุ 29 ปี พร้อมเสื้อผ้าที่สวมใส่ขณะรับจ้างกดเงินสดจากบัญชีม้า ทั้งนี้ได้ทำการตรวจยึดของกลางหลายรายการ อาทิ บัญชีธนาคารของบุคคลอื่น, โทรศัพท์มือถือ, รถยนต์ ฯ และยังทราบอีกว่า บุคคลทั้งสองได้เดินทางเข้าออกประเทศกัมพูชาหลายครั้ง จากข้อมูลหนังสือเดินทาง จึงเชื่อว่าบุคคลดังกล่าวมีส่วนในการกระทำความผิดกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในประเทศกัมพูชา
เบื้องต้น ผู้ต้องหาทั้งสองให้การรับสารภาพ และให้การว่า รู้จักกับคนจีนที่ปอยเปต แล้วถูกชักชวนให้มาทำงานด้วย โดยบอกว่าให้กลับมาทำหน้าที่กดเงินที่เมืองไทย แล้วส่งเงินสดให้กับผู้ว่าจ้างชาวจีน โดยได้รับค่าจ้างทุก 10% ของเงินสดที่ถอนออกมา เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้แจ้งข้อหากับ นายชาร์ลี และ น.ส.โชติกา ในความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน และร่วมกันใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของ ผู้อื่นโดยมิชอบ ในประการที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน"
โดยขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างการสืบสวนขยายผลไปยังผู้ว่าจ้าง และหาความเชื่อมโยงไปยังกลุ่มผู้ก่อเหตุในเครือข่ายหลอกเทรดหุ้นโอ้กะจู๋ที่เคยจับได้ก่อนหน้านี้ ว่าเป็นขบวนการเดียวกันหรือไม่ เพื่อเร่งรวบรวมพยานดำเนินคดีผู้ร่วมขบวนการที่เกี่ยวข้องต่อไป