คุยเฟื่องเรื่องต่างประเทศ / ดร.วิวัฒน์ เศรษฐช่วย
การประชุมสุดยอดครั้งแรกที่เกิดขึ้นระหว่าง “ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์”กับ “ประธานาธิบดีวลาดีมีร์ ปูติน” ซึ่งจัดให้มีขึ้น ณ รัฐอะแลสกา เมื่อวันศุกร์ที่ 15 สิงหาคม 2025
ทั้งนี้ก่อนหน้าที่การประชุมสุดยอดจะเกิดขึ้น ประธานาธิบดีทรัมป์ ออกมาโอ้อวดว่า หากการประชุมสุดยอดในครั้งนี้ไม่ประสบความสำเร็จในเรื่องที่จะให้มีการหยุดยิง ก็ถือว่าการเจรจาครั้งนี้พบกับความล้มเหลว!!!
แต่ภายหลังจากที่มีการประชุมกันนานถึงสามชั่วโมง โดยมีผู้สื่อข่าวจากทั่วทุกมุมโลกหลายพันคนเฝ้าคอยทำข่าวกันอยู่ แต่ปรากฏว่าการเจรจาในครั้งนี้ประสบความล้มเหลว เพราะการประชุมครั้งนี้ไร้ดีล อีกทั้งสองผู้นำก็มิได้เปิดโอกาสให้มีการสัมภาษณ์หรือออกมาแถลงการณ์ถึงข้อมูลทั้งหมดทั้งมวล
และท้ายสุดภายหลังจากที่การประชุมเสร็จสิ้นลงแล้ว ประธานาธิบดีทรัมป์ก็ได้ให้สัมภาษณ์กับ “สถานีโทรทัศน์ช่องฟอกซ์นิวส์”ในทำนองที่ว่า การประชุมสุดยอดในครั้งนี้มีความรุดหน้าอย่างมาก
อนึ่งดูเหมือนว่าประธานาธิบดีทรัมป์พูดกลับคำจากที่เขาเคยให้คำสัญญาเอาไว้ว่า “หากข้าพเจ้าได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีในสมัยที่สอง ข้าพเจ้าสามารถจะยุติสงครามได้ภายใน 24 ชั่วโมง” โดยเขาได้ออกมาอธิบายแก้ตัวแบบน้ำขุ่นๆว่า “ข้าพเจ้าเคยคิดว่าการเจรจาให้มีการยุติสงครามเป็นเรื่องง่าย แต่กลับกลายเป็นเรื่องที่ยากที่สุด”
อีกทั้งประธานาธิบดีทรัมป์ยังส่งสัญญาณออกมาในทำนองที่ว่า “จะไม่เพิ่มมาตรการคว่ำบาตรที่ร้ายแรงต่อรัสเซียอีกแล้ว” ทั้งๆที่ผ่านมาเขาเคยเอ่ยปากขู่ว่า “หากการเจรจาให้หยุดยิงไม่เกิดขึ้น ก็จะใช้มาตรการคว่ำบาตรต่อรัสเซียขั้นรุนแรง”
อย่างไรก็ตามประธานาธิบดีทรัมป์ยังได้กล่าวอีกว่า ข้าพเจ้าเห็นด้วยกับประธานาธิบดีปูตินในเรื่องที่ว่า “สงความยูเครนจะยุติลงได้ ก็ด้วยการแลกเปลี่ยนดินแดนกันเท่านั้น”
นอกเหนือจากนั้นประธานาธิบดีทรัมป์ก็ยังกล่าวในทำนองที่ว่า “ข้าพเจ้าต้องการจะให้การเจรจาจบลงด้วยการมีสันติภาพแบบยั่งยืน แทนที่จะมีแค่เพียงการเจรจาให้หยุดยิงกันเท่านั้น”
อีกทั้งประธานาธิบดีทรัมป์ยังได้กล่าวชื่นชมต่อประธานาธิบดีปูตินอีกด้วยว่า “ประธานาธิบดีปูตินเป็นคนแข็งแกร่ง”
การประชุมสุดยอดระหว่างสองผู้นำประเทศมหาอำนาจยักษ์ใหญ่ที่ใช้เวลานานถึงสามชั่วโมงในครั้งนี้ ดูเหมือนว่าประธานาธิบดีปูตินนำเอาหลักจิตวิทยางัดออกมาใช้ โดยเขาได้เอ่ยปากยกยอปอปั้นกล่าวชื่นชมในเรื่องราวที่ประธานาธิบดีทรัมป์ต้องการจะได้ยินและได้ฟัง!!!
แต่การประชุมที่อะแลสกาไร้ดีลใดๆทั้งสิ้น แล้วเพราะเหตุใดการประชุมสุดยอดระหว่างประธานาธิบดีทรัมป์กับประธานาธิบดีปูติน จึงเลือกให้มีขึ้นที่รัฐอลาสก้า?
สืบเนื่องมาจากอลาสก้าเคยเป็นของรัสเซีย สมัยที่รัสเซียพยายามขยายดินแดนในสมัยยุคล่าอาณานิคม แต่ท้ายที่สุดรัสเซียเกิดสะดุดเรื่องการเงิน จึงเสนอขายอลาสก้าให้กับสหรัฐฯในปีค.ศ. 1867 ในราคา 7.2 ล้านดอลลาร์!!!และในปีค.ศ.1959 สหรัฐฯก็ได้ประกาศให้อะแลสกาเป็นรัฐที่ 49 ของสหรัฐฯ ถือได้ว่า อะแลสกาเป็นรัฐที่มีทรัพยากรมากมายมหาศาล มีเนื้อที่กว้างขวางถึง 663,267 ตารางไมล์ที่มีอาณาเขตใหญ่กว่ารัฐเทกซัส และ รัฐแคลิฟอร์เนีย ด้วยซ้ำไป
อีกทั้งอลาสก้า มีอาณาเขตห่างจากรัสเซียเพียง 88.5 กิโลเมตรเท่านั้น และสามวันต่อมา เมื่อวันจันทร์ที่ 18 สิงหาคม 2025 ที่เพิ่งผ่านมานี้ ปรากฏว่าประธานาธิบดีเซเลนสกีแห่งยูเครน พร้อมด้วยผู้นำของประเทศในแถบยุโรป 8 ประเทศได้เดินทางมายังทำเนียบขาว โดยผู้นำทั้งหมดต่างหวังใจว่า การประชุมสุดยอดที่เกิดขึ้นระหว่างประธานาธิบดีทรัมป์กับประธานาธิบดีปูติน จะสร้างความมั่นคงปลอดภัยให้แก่ยูเครนและจะถางทางให้ยูเครนได้เข้าไปเป็นสมาชิกองค์การนาโต แต่ดูเหมือนว่าสิ่งที่พวกเขาต้องการมิได้เกิดขึ้นแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตามประธานาธิบดีเซเลนสกีได้กล่าวย้ำตลอดเวลาว่า “ไม่ยินยอมยกดินแดนที่รัสเซียยึดเอาไปจากการทำสงคราม” ส่วนฝ่ายประธานาธิบดีปูตินก็ออกมากล่าวยืนกรานตลอดเวลาว่า “รัสเซียไม่ยินยอมให้ยูเครนเข้าไปร่วมเป็นสมาชิกขององค์การนาโต”
สำหรับเบื้องหลังการพบปะเจรจาพูดคุยกันระหว่างประธานาธิบดีทรัมป์กับประธานาธิบดีปูติน ที่รัฐอลาสก้าในครั้งนี้ ที่ผ่านๆมาผู้ที่ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาของประธานาธิบดีทรัมป์เคยเดินทางไปเจรจากับฝ่ายของประธานาธิบดีปูตินที่กรุงมอสโกล่วงหน้ามาแล้วถึงสี่ครั้ง
ส่วนขั้นตอนที่จะเกิดขึ้นต่อไปในอนาคตนั้น ประธานาธิบดีทรัมป์ออกมาส่งสัญญาณว่า “ต้องการจะจัดให้มีการประชุมสุดยอดระหว่างประธานาธิบดีปูตินและ ประธานาธิบดีเซเลนสกี โดยเขาจะเข้าร่วมในการประชุมด้วย
จากผลของการหยั่งเสียงของ “สำนักหยั่งเสียงพิว” ได้เปิดเผยก่อนการประชุมสุดยอดระหว่างประธานาธิบดีปูตินกับประธานาธิบดีทรัมป์จะเกิดขึ้นว่า คนอเมริกันถึง59%ไม่เชื่อว่าประธานาธิบดีทรัมป์จะเจรจากับประธานาธิบดีปูตินสำเร็จลุล่วง ส่วนอีก 40% เชื่อว่าประธานาธิบดีทรัมป์จะสามารถเจรจากับประธานาธิบดีปูตินได้เป็นผลสำเร็จ
และชาวอเมริกันอีก 29% คิดว่าสหรัฐฯไม่ให้ความช่วยเหลือต่อยูเครนมากเท่าที่ควร (ข้อมูลจาก Pew Research Center: How Americans view the Trump Administration’s approach to the Russia-Ukraine August 14, 2025)
ทั้งนี้การประชุมสุดยอดที่ทำเนียบขาวเมื่อวันจันทร์ แม้ว่าประธานาธิบดีทรัมป์จะแยกประชุมกับประธานาธิบดีเซเลนสกีแบบตัวต่อตัว โดยแยกประชุมกับผู้นำของกลุ่มประเทศยุโรปในอีกวาระหนึ่งโดยมีประธานาธิบดีเซเลนสกีเข้าร่วมด้วยก็ตาม แต่กลับปรากฏว่าผลการประชุมก็พบกับความล้มเหลวอีกเช่นกัน!!!
อีกทั้งคะแนนนิยมของประธานาธิบดีทรัมป์จากการหยั่งเสียงของสำนักข่าวรอยเตอร์สของวันจันทร์ที่ 18 สิงหาคมตกต่ำอยู่ที่ 40% (Trump approval holds at 40%, lowest level of his term: Reuters/Ipsos poll finds August 18, 2025)
กล่าวโดยสรุปทั้งนี้และทั้งนั้นถึงแม้ว่าการประชุมที่เกิดขึ้นระหว่าง “ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์” กับ “ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน” ณ รัฐอลาสก้า จะล้มเหลวทำนองเดียวกับการประชุมสุดยอด ณ ทำเนียบขาว ที่เขาเจรจากับ“ประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกี”และผู้นำยุโรปแปดประเทศเข้าร่วมประชุมด้วย ส่วนการปะทะกันระหว่างทหารของยูเครนกับทหารของรัสเซียก็ยังคงดำเนินอยู่อย่างต่อเนื่อง แต่หากจะมองในแง่บวกกันแล้ว นับได้ว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในความพยายามที่ประธานาธิบดีทรัมป์ต้องการจะให้มีการเจรจาไกล่เกลี่ยกัน ที่ไม่แน่ว่าต่อไปในภายภาคหน้าอาจจะประสบผลสำเร็จก็เป็นไปได้ละครับ