สัปดาห์พระเครื่อง / อ.ราม วัชรประดิษฐ์
ปฐมบทการสร้างพระสมเด็จวัดบางขุนพรหมนั้นเริ่มขี้นหลังจากการบูรณะและสร้างพระเจดีย์เป็นที่เรียบร้อย เสมียนตราด้วง จึงได้กราบนมัสการขออนุญาตจัดสร้างพระสมเด็จฯ จากท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) ฯ จำนวน 84,000 องค์ เพื่อสืบทอดทางพระพุทธศาสนาตามคติโบราณนิยม และเป็นการสร้างมหาบุญแห่งวงศ์ตระกูล ท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯ ได้เมตตาอนุเคราะห์แม่พิมพ์เดิมของพระสมเด็จวัดระฆังโฆสิตาราม รวมทั้งมีการแกะแม่พิมพ์ใหม่ในบางพิมพ์อีกด้วย โดยใช้ช่างหลวงผู้มีฝีมือในสมัยนั้น พร้อมมอบผงวิเศษเพื่อใช้ในการจัดสร้าง และท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) ได้เจริญพระพุทธมนต์และปลุกเสกเดี่ยวจนกระทั่งบริบูรณ์ ด้วยพระสูตร “คาถาชินบัญชร” ก่อนนำบรรจุกรุพระเจดีย์
พระสมเด็จวัดบางขุนพรหม มีการจัดสร้างมากมายหลายพิมพ์ ที่เป็นพิมพ์นิยมมีทั้งหมด 9 พิมพ์ คือ พิมพ์ใหญ่, พิมพ์เส้นด้าย, พิมพ์ทรงเจดีย์, พิมพ์ฐานแซม, พิมพ์เกศบัวตูม, พิมพ์สังฆาฏิ, พิมพ์ฐานคู่, พิมพ์อกครุฑ หรือเรียกเต็มๆ ว่า ‘อกครุฑเศียรบาตร’ และ พิมพ์ปรกโพธิ์
พระสมเด็จวัดบางขุนพรหม พิมพ์สังฆาฏิ เป็นพระสมเด็จวัดบางขุนพรหมพิมพ์หนึ่งที่มีพุทธลักษณะพิเศษเป็นเอกลักษณ์และงดงามมาก เหตุที่ได้รับนามว่า “พิมพ์สังฆาฏิ” เนื่องจากองค์พระปรากฏเส้นสังฆาฏิวิ่งผ่านตั้งแต่ยอดพระอุระจนจรดพระเพลา (หน้าตัก) และมีความคมชัดเจนมาก จุดสังเกตสำคัญ คือ พื้นผิวขององค์พระ สำหรับพระสมเด็จวัดบางขุนพรหมพิมพ์อื่นๆ นั้น เมื่อผ่านการใช้หรือเสียดสี ผิวขององค์พระจะออกเป็นสีเหลืองอมน้ำตาลและขึ้นเป็นเงามัน แต่ “พิมพ์สังฆาฏิ” ผิวและสีสันขององค์พระจะมีกระแสออกไปทางสีเขียวอ่อนๆ เหมือนก้านดอกมะลิ ซึ่งเป็นเพียงพิมพ์เดียวเท่านั้น
เอกลักษณ์แม่พิมพ์ของพระสมเด็จวัดบางขุนพรหม พิมพ์สังฆาฏิมีดังต่อไปนี้
- มวลสารที่นำมาผสมเพื่อสร้างองค์พระจะมีค่อนข้างน้อย แต่จะแก่ปูนมากกว่าพิมพ์อื่นๆ เนื้อขององค์พระจึงดูละเอียดกว่าทุกพิมพ์
- เส้นบังคับขอบแม่พิมพ์ทั้ง 4 ปลิ้นขึ้น และตั้งเป็นสัน
- เส้นซุ้มครอบแก้วเรียวเล็ก
- พระเกศเรียวยาว
- พระพักตร์เป็นรูปสี่เหลี่ยมข้าวหลามตัด
- องค์ที่ติดชัดจะปรากฏพระกรรณให้เห็นรำไร ลักษณะเรียวยาว
- องค์พระปรากฏเส้นสังฆาฏิวิ่งผ่านตั้งแต่ยอดพระอุระจนจรดพระเพลา (หน้าตัก)
- บริเวณพระเพลา (หน้าตัก) ช่วงกลาง จะปรากฏเรียวพระบาทห้อยลงมา
- ปลายเส้นแซมจะม้วนเข้าหาหัวฐานชั้นที่ 3
- ปลายฐานหัวสิงห์ด้านซ้ายขององค์พระจะห่างจากเส้นซุ้มน้อยกว่าด้านขวา
- หัวฐานชั้นที่ 1 จะปิดทั้ง 2 ด้าน
- ในองค์ที่มีส่วนผสมของเนื้อพระที่หมาดๆ เกือบจะแห้ง พิมพ์ด้านหลังจะปรากฏรอยปูไต่ อันเกิดจากการตัดด้วยตอก แต่ในองค์ที่มีเนื้อค่อนข้างเหลวจะไม่ปรากฏ แต่จะเกิดเป็นรอยหดเหี่ยวย่นแทน
พระสมเด็จวัดบางขุนพรหม พิมพ์สังฆาฏิ จะมีเพียงพิมพ์เดียว คือ พิมพ์หลังเรียบ ส่วนพิมพ์ด้านหน้าสามารถแบ่งย่อยออกเป็น 4 พิมพ์ คือ พระสมเด็จวัดบางขุนพรหม พิมพ์สังฆาฏิ พิมพ์ใหญ่, พระสมเด็จวัดบางขุนพรหม พิมพ์สังฆาฏิ พิมพ์ไหล่ตรง, พระสมเด็จวัดบางขุนพรหม พิมพ์สังฆาฏิ พิมพ์แขนกลม (ฏิ-ตูม) และ พระสมเด็จวัดบางขุนพรหม พิมพ์สังฆาฏิ พิมพ์หูช้าง
แนวทางในการพิจารณา
นอกเหนือจากหลักการพิจารณาเอกลักษณ์แม่พิมพ์แล้ว ต้องมาพิจารณาในเรื่องของคราบกรุ และความเป็นพระกรุเก่า-กรุใหม่ ตามหลักการพิจารณาเบื้องต้น คือ
- การแอ่นตัวขององค์พระจะแอ่นไปข้างหลังเหมือนตัวงอ หากหงายองค์พระลงกับพื้นขอบทั้ง 4 จะไม่ติดพื้น
- ลักษณะการตัดขอบของพระสมเด็จบางขุนพรหม เป็นการตัดด้วยมือเท่านั้น ดังนั้นด้านข้างจะมีลักษณะของการตัดแบบธรรมชาติ จะไม่เรียบเท่ากันหมด
- พิจารณาคราบกรุ ไม่ว่าจะเป็นคราบกรุสีน้ำตาลเข้มที่เกิดจากน้ำมันตังอิ๊วก็ดี คราบฟองเต้าหู้ก็ดี ล้วนแต่เป็นเอกลักษณ์สำคัญของพระสมเด็จวัดบางขุนพรหมทั้งสิ้น และคราบกรุนี้จะติดแน่นหนายากต่อการขัดหรือถูออก
- ดูความเก่าของเนื้อพระเก่าให้สมอายุขององค์พระ พระสมเด็จวัดบางขุนพรหมเป็นพระเนื้อแก่ปูน ซึ่งจะพบมวลสารน้อยมากหรือไม่พบเลยก็มี
พระสมเด็จวัดบางขุนพรหม ปรากฏพุทธคุณสุดยอด ทั้ง ด้านเมตตามหานิยม อำนาจวาสนาบารมี คงกระพันชาตรี และแคล้วคลาด เรียกได้ว่า ‘ครอบจักรวาลเฉกเช่นเดียวกับพระสมเด็จวัดระฆังฯ ทุกประการ ครับผม