วันที่ 22 ส.ค.68 รศ.ดร.เสรี พงศ์พิศ อดีตอธิการบดีสถาบันการเรียนรู้เพื่อปวงชน โพสต์ข้อความผ่านเพจเฟซบุ๊ก Seri Phongphit ระบุว่า...

#ตายแล้วไปไหน(1)

คงไม่ผิดถ้าจะบอกว่า คนส่วนใหญ่ในโลกนี้เชื่อเรื่องการกลับชาติมาเกิด เพราะคนเอเชียส่วนใหญ่เชื่อเรื่องนี้ ส่วนคนอเมริกันก็มีการทำโพลสำรวจโดยซีเอ็นเอ็นเมื่อประมาณ 20 ปีที่แล้วพบว่า ร้อยละ 40 เชื่อเรื่องนี้ และเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 30 ในการสำรวจ 5 ปีก่อนนั้น

ถ้าวันนี้คนอเมริกันกว่าครึ่งเชื่อเรื่องนี้คงไม่ใช่เรื่องแปลก คนยุโรปเองก็คงไม่แตกต่าง คนบราซิลกว่าร้อยละ 70 เชื่อเรื่องนี้ในการสำรวจเมื่อ 20 ปีที่แล้ว วันนี้น่าจะมากกว่านั้น

นับเป็นปรากฎการณ์ที่น่าสนใจไม่น้อยของโลกวันนี้ ที่ผู้คนหันมาสนใจเรื่องนี้ ที่เมื่อก่อนมักถือว่าเป็นเรื่องความเชื่อที่พิสูจน์ไม่ได้ เรื่องตายแล้วเกิดใหม่ เรื่องพลังจิต เรื่องการลงองค์ทรงเจ้า และอะไรที่อยู่ในสายนี้เป็นเรื่องความเชื่อศรัทธาทางศาสนาไปจนถึงเรื่องงมงายไสยศาสตร์

นักวิชาการ จิตแพทย์สองคนน่าจะมีส่วนสำคัญในการทำให้โลกหันมาสนใจเรื่องนี้อย่างจริงจัง คนหนึ่ง คือ ดร.เอียน สตีเวนสัน ที่ได้ทำการวิจัย 3,000 กรณีที่ระลึกชาติได้

อีกคนหนึ่ง คือ นายแพทย์ไบรอัน ไวซ์ ทั้งสองเป็นชาวอเมริกันที่ได้รับการศึกษาจากมหาวิทยาลัยมีชื่อของสหรัฐ และได้ทำงานในวิชาจิตเวชที่ได้เล่าเรียนมา แต่ชีวิตทั้งสองคนเปลี่ยนไปจากการค้นพบใหม่ๆ การเปิดใจกว้างในวิชาชีพของตน

ดร.เอียน สตีเวนสันเสียชีวิตไปเมื่อปี 2540 ส่วน ดร.ไบรอัน ไวซ์ ยังมีชีวิตอยู่ในวัย 70 เศษ ทั้งสองมีอิทธิพลอย่างสำคัญต่อความเชื่อเรื่องการกลับชาติมาเกิด การระลึกชาติ การเวียนว่ายตายเกิด

ดร.สตีเวนสันได้กล่าวถึงในการสรุปงานวิจัยของท่านว่า ในอนาคต การทำความเข้าใจกับชีวิตในปัจจุบันด้วย “ปัจจุบัน” เท่านั้นไม่เพียงพออีกต่อไป ไม่ว่าเหตุการณ์ พฤติกรรม หรือโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ สาเหตุที่มาอาจเป็นชาติก่อน และคนที่ให้ข้อยืนยันหรือ “พิสูจน์” เรื่องนี้คือ ดร.ไบรอัน ไวซ์

ดร.ไวซ์จบการศึกษาด้านการแพทย์จากมหาวิทยาลัยโคลัมเบียและมหาวิทยาลัยเยล จากนั้นได้เป็นหัวหน้าภาควิชาจิตเวชศาสตร์ที่ศูนย์การแพทย์เมาท์ ไซนาย ที่มีชื่อเสียงที่ไมอามี รัฐฟลอริดา ทำงานและสอนตามที่ได้เล่าเรียนมาตามกระแสหลัก จนได้พบคนไข้รายหนึ่งที่ทำให้ชีวิตของเขาเปลี่ยนไป

ดร.ไวซ์ เป็นนักสะกดจิต และใช้วิธีนี้ในการรักษาคนไข้ เรื่องราวของคนไข้ที่ชื่อว่า “คัธรีน” อยู่ในหนังสือเล่มแรกของเขาชื่อ “หลายชีวิต หลายองค์” (Many Lives, Many Masters) ซึ่งเขาใช้เวลาถึง 4 ปีเพื่อตัดสินใจว่าจะเขียนดีหรือไม่ เพราะเป็นเรื่อง “ใหม่” ที่ไม่เคยมีใครทำ และสวนกระแสหลักของจิตเวช

แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อหนังสือเล่มนี้กลายเป็นหนังสือขายดีติดอันดับในสหรัฐ และมีการแปลไปเป็นภาษาต่างๆ กว่า 20 ภาษา รวมทั้งภาษาไทย แล้วก็ตามมาอีกหลายเล่ม

(ได้อ่าน 3 เล่มที่สำคัญ คือ Many Lives, Many Masters; Only Love is Real; Same Soul, Many Bodies ถ้าไม่อยากซื้อจาก Amazon ก็อ่านในอินเทอร์เน็ต มีทั้งฟรีและไม่ฟรี บางเล่มมีแปลเป็นภาษาไทย)

ดร.ไวซ์ใช้วิธีการสะกดจิตให้คนไข้ระลึกชาติได้ บางคนกลับไปจำชาติเก่าก่อนได้ถึง 86 ชาติ อย่างกรณีของคัธรีน คนอื่นๆ ส่วนใหญ่ก็หลายชาติ บางคนหลายสิบชาติ โดยคนไข้จะเลือกไปหาชาติที่เกี่ยวข้องกับชาตินี้มากที่สุด ทำให้เข้าใจว่า ทำไมชาตินี้จึงมีทุกข์เรื่องนั้นเรื่องนี้ เจ็บป่วยด้วยโรคบางอย่างที่รักษาอย่างไรก็ไม่หาย เป็นบาดแผลทางใจ (trauma) เมื่อกลับไปรับรู้ชาติก่อนว่าเกิดอะไรขึ้น ความเจ็บป่วยในปัจจุบันนั้นก็หายไป

บางคนเคยจมน้ำตายก็เป็นโรคกลัวน้ำ บางคนตกจากที่สูงตายก็กลัวความสูง บางคนถูกฆ่าตายในสงครามโดยถูกแทงก็เจ็บหน้าอก หรือเจ็บด้านหลังเพราะถูกตี บางคนตายในกองไฟ สูดควันเข้าไปจนหายใจไม่ออก ปัจจุบันป่วยเป็นโรคหอบหืด ความเจ็บป่วยและโรคเหล่านี้หายไปเมื่อได้กลับไปทราบที่มา บางคนหายไปทันทีที่ตื่นจากภวังค์ของการสะกดจิต บางคนใช้เวลาระยะหนึ่งจึงค่อยๆ หาย

ดร.ไวซ์พบว่า แต่ละคนจะมี “คู่วิญญาณ” (soulmate) ที่พบกันในหลายๆ ชาติ เช่น พ่อแม่ พี่น้อง คนรัก สามี ภรรยา ลูก โดยอาจไม่ได้กลับมาในสภาวะเดิม เพศเดิม จากพ่อแม่อาจเป็นลูก หรือสามีภรรยาอาจเป็นญาติ หรือหัวหน้าในที่ทำงาน มีน้อยคนที่ยังอยู่ในสภาวะและความสัมพันธ์เดิม

ความรู้สึกรัก เกลียด กลัว ความเจ็บปวดและความสุขในชาติก่อนยังมีส่วนที่ผูกพันติดมาถึงชาตินี้ บางคนรักแม่มาก และเจ็บปวดที่สุดเมื่อแม่จากไป และยังรู้สึกได้ในชาตินี้ บางคนเคยถูกสามีทำร้ายอย่างรุนแรง และมาพบอีกในชาตินี้ เป็นคนที่พยายามตามจีบและขอแต่งงานด้วย แต่ “ชะตากรรม” (destiny) มีที่ให้ “เจตจำนงเสรี” (free will) เสมอ สตรีคนนี้เลือกที่ไม่รักชายคนนั้นอีก เธอได้สรุปบทเรียนจากอดีต

ดร.ไวซ์อธิบายว่า การสะกดจิตให้ระลึกชาติได้ ทำให้พบว่า ชาติต่างๆ ที่เราเกิดมานั้นเป็นผลของ “กรรม” ในชาติก่อน ในทัศนะของจิตแพทย์ผู้นี้ กรรมไม่ใช่การลงไทษ แต่เป็นโอกาสให้คนเราได้แก้ตัว แก้ไขสิ่งที่ได้ทำผิดไปในชาติก่อน

มีคนไข้คนหนึ่งที่ระลึกชาติได้ว่าเคยเป็นทหารนาซีสมัยฮิตเลอร์ เกลียดยิว และเคยสั่งฆ่ายิวจำนวนมาก ชาติต่อมาเขาเกิดเป็นยิวและเกลียดอาหรับมาก ดร.ไวซ์บอกว่า การเกิดเป็นยิวคือโอกาสให้เขา “กลับใจ” ลดละความโกรธ ความเกลียด อคติ มีเมตตาต่อผู้อื่น เขาจะมีความสุข และไม่ต้องชดใช้ “กรรม” อีก

เสรี พพ 22 ส.ค. 68

หมายเหตุ บทความนี้ “ทางอีศาน” ตีพิมพ์เมื่อ สิงหาคม ๒๕๖๐ ยาวมากจึงแบ่งเป็น 2 ตอน