ทนายวิญญัติ เชื่อ คดี ’ทักษิณ‘ ต่อสู้มาถูกทางแล้ว เจ้าตัวยืนยันคลิปถูกตัดต่อ ย้ำเป็นพสกนิกรความจงรักภักดีต่อสถาบันฯ ชัดเจน แย้มหาผลคดีเป็นบวกจากเผยรายละเอียดการสู้คดีให้สังคมได้รับทราบ
วันนี้ (22 ส.ค. 68) นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ศาลอาญานัดอ่านคำพิพากษาคดี ม.112 ของนายทักษิณ โดยยืนยันว่า นายทักษิณจะเข้ารับฟังคำพิพากษาด้วยตนเอง เนื่องจากเป็นหน้าที่ของจำเลยในคดีอาญาที่ต้องเข้าฟังคำพิพากษา และมีสัญญาประกันอยู่ เป็นหลักการที่บังคับให้ท่านต้องมาฟังด้วยตนเองอยู่แล้ว ซึ่งตัวท่านเองก็ประสงค์ที่จะเข้ามาร่วมในการพิจารณาคดีทุกนัดอยู่แล้ว
ส่วนความมั่นใจในการนำพยานเข้าต่อสู้ในชั้นศาลนั้น นายวิญญญัติ กล่าวว่า ความตั้งใจมีอยู่แล้วตั้งแต่ต้น แต่ความมั่นใจเรื่องผลคดีจะเป็นอย่างไรขออนุญาตยังไม่ตอบ เพราะขอให้รอคำวินิจฉัยของศาลก่อน ซึ่งหลังจากที่ตนรับทำคดีนี้และเห็นพยานหลักฐานตั้งแต่เมื่อ 10 ปีก่อน มีความชัดเจน และในการสืบพยานโจทก์สามนัด ก็ยิ่งชัดเจนว่าเรามาถูกทางแล้ว เพราะการต่อสู้คดีอาญาต้องดูพยานหลักฐานของโจทก์ และผู้กล่าวหาเป็นหลัก รวมถึงดูเจตนาของจำเลยด้วย และพยานหลักฐานที่เราได้นำขึ้นพิสูจน์ต่อศาลตั้งแต่ต้น ซึ่งนายทักษิณก็ยืนยันแล้วว่าไม่ได้เจตนา
สำหรับพยานหลักฐานของฝ่ายโจทก์นั้น ตนเองจะขอเปิดเผยในรายละเอียดหลังจากฟังคำพิพากษาแล้ว ถ้าหากมีเวลาหรืออาจจะพูดผ่านช่องทางใดช่องทางหนึ่ง ซึ่งไม่สะดวกพูดในรูปแบบของรายการ ว่าการต่อสู้ในคดีนี้มีอย่างไรบ้าง ก็จะนำมาเปิดเผยให้ประชาชนทราบในกรอบที่สามารถทำได้
“ท่านทักษิณพูดเสมอมาว่า ท่านเป็นอดีตนายก ฯ เป็นผู้ที่มีความสำนึกต่อความเป็นพลเมืองไทย และเป็นพสกนิกรในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสถาบันพระมหากษัตริย์อยู่แล้ว ความจงรักภักดีของท่านมีอย่างชัดเจน และประจักษ์ชัด เหตุดังกล่าวนี้ท่านก็บอกแล้วว่า ไม่ได้มาจากคำพูดของท่านอย่างถูกต้อง และท่านเชื่อว่าเป็นการตัดต่อ ซึ่งเราก็พยายามพิสูจน์ แต่เมื่อจำเลยปฏิเสธโจทก์ก็ต้องพิสูจน์ว่าไม่ใช่การตัดต่ออย่างไร ก็ขึ้นอยู่กับว่าจะทำได้หรือไม่ได้” นายวิญญัติ กล่าว
นายวิญญัติ กล่าวต่อว่า ในคดีนี้ฝ่ายโจทก์สืบพยาน 10 ปาก และฝ่ายจำเลยสืบพยาน 3 ปาก โดยหลักฐานที่ฝ่ายจำเลยนำขึ้นพิสูจน์นั้น จะเป็นเรื่องของตัวบุคคลเป็นหลักรวมถึงข้อเท็จจริงในอดีต ซึ่งไม่ใช่ข้อเท็จจริงที่สร้างขึ้น เชื่อว่าเมื่อศาลเห็นก็จะสามารถหยิบไปประกอบคำวินิจฉัยได้ แต่การจะนำมาพูดและจะดีหรือไม่ดีตรงหรือไม่ตรง ต้องขออนุญาตยังไม่พูด ต้องรอฟังคำพิพากษาก่อน
นายวิญญัติ ระบุอีกว่า หลังจากได้พูดคุยกับนายทักษิณเมื่อวานตอนเย็นท่านก็ปกติ และบอกพรุ่งนี้เจอกัน โดยจะมาถึงในเวลา 09:30 น. พร้อมยืนยันว่า ไม่ว่าผลพิพากษาจะออกมาเป็นอย่างไร เราก็พร้อมน้อมรับ แต่ถ้าหากออกมาเป็นทางบวก ก็จะออกมาเปิดเผยรายละเอียดการต่อสู้ทางคดีให้รับทราบ
นายวิญญัติ กล่าวทิ้งท้ายว่า การนำเสนอข้อมูลข่าวสารในปัจจุบันเป็นเรื่องละเอียดอ่อน เทียบกับกรณีของนายทักษิณที่ถูกนำคลิปมา เมื่อเสนอข่าวสารไปแล้วผิดถูกตอนแรกยังไม่มีใครพิสูจน์ความจริง ดังนั้นการขยายให้เกิดความเข้าใจผิดหรือการบิดเบือนเป็นเรื่องที่สังคมควรจะระมัดระวัง ไม่ได้พูดถึงเพียงสื่อมวลชนเท่านั้น แต่ทุกคนควรที่จะระมัดระวังเพราะเป็นเรื่องที่อันตรายมาก และพวกท่านก็อาจจะถูกดำเนินคดีด้วย