วันที่ 21 ส.ค.68 สำนักวิจัยซูเปอร์โพล สำรวจความพึงพอใจและความเชื่อมั่นต่อกระบวนการบังคับคดี ท่านเสกสรร สุขแสง อธิบดีกรมบังคับคดีร่วมกับ ผศ.ดร.นพดล กรรณิกา ผู้ก่อตั้งซูเปอร์โพล และหัวหน้าโครงการสำรวจความเชื่อมั่นของประชาชนผู้รับบริการที่มีต่อกระบวนการบังคับคดี ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 โดยสำรวจผู้รับบริการทั่วประเทศจำนวน 3,554 ตัวอย่าง ระหว่างเดือน กรกฎาคม – สิงหาคม พ.ศ. 2568 ที่ผ่านมา
รายงานของซูเปอร์โพลพบว่า กว่าครึ่งหนึ่งมาจากหน่วยงานส่วนกลางคิดเป็นร้อยละ 58.13 และส่วนภูมิภาค ร้อยละ 41.87 โดยกลุ่มผู้ตอบที่มีสัดส่วนสูงสุดคือ เจ้าหนี้ตามคำพิพากษา ร้อยละ 38.11 รองลงมาคือ ลูกหนี้ตามคำพิพากษา ร้อยละ 28.10 และ ผู้เข้าประมูลซื้อทรัพย์จากการขายทอดตลาด ร้อยละ 13.33 ขณะที่กลุ่มอื่น ๆ เช่น ผู้รับจำนอง ร้อยละ 5.92 และผู้ร้องขัดทรัพย์ ร้อยละ 1.21 มีสัดส่วนค่อนข้างต่ำ สะท้อนถึงบทบาทที่หลากหลายของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียต่อกระบวนการบังคับคดี
รายงานของซูเปอร์โพลยังพบด้วยว่า ผลการรับรู้ในภาพรวมอยู่ในระดับสูงมาก โดยประชาชนรับรู้ดีที่สุดต่อการบังคับคดีแพ่งตามคำสั่งศาล ร้อยละ 93.77 และ การไกล่เกลี่ยข้อพิพาทชั้นบังคับคดี ร้อยละ 90.63 ในขณะที่การฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้แม้มีความเข้าใจน้อยกว่า แต่ก็ยังอยู่ในระดับสูงที่ ร้อยละ 74.00 แสดงให้เห็นว่าประชาชนตระหนักถึงบทบาทหลักของกรม แต่ยังต้องการการประชาสัมพันธ์เพิ่มในภารกิจที่มีความซับซ้อน เช่น กระบวนการฟื้นฟูกิจการ
นอกจากนี้ กระบวนการที่ประชาชนเข้ารับบริการสูงสุดคือ การบังคับคดีแพ่ง ร้อยละ 58.41 รองลงมาคือ การประมูลซื้อทรัพย์และการขายทอดตลาด ร้อยละ 21.86 และ การบังคับคดีล้มละลาย ร้อยละ 18.91 สะท้อนให้เห็นว่าประชาชนจำนวนมากยังคงเกี่ยวข้องกับคดีแพ่งและการจัดการทรัพย์สินเป็นหลัก
ที่น่าสนใจ คือ ในกลุ่มกระบวนการบังคับคดีแพ่ง เครื่องมือที่ถูกใช้งานมากที่สุดคือ ระบบสอบถามสถานะคดี ร้อยละ 81.20 และ ระบบการยื่นคำร้องทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือ e-Filing ร้อยละ 73.10 ส่วนเครื่องมือที่มีการใช้งานน้อยลง เช่น ระบบรับเรื่องร้องเรียน ร้อยละ 66.52 สะท้อนว่าประชาชนเข้าถึงระบบสารสนเทศเพิ่มขึ้น แต่ยังมีบางส่วนที่ไม่ได้ใช้บริการดิจิทัล โดยเฉพาะในคดีฟื้นฟูกิจการซึ่งมีการใช้ระบบเพียง ร้อยละ 59.82–62.04
ในมิติของความพึงพอใจต่อระบบดิจิทัล พบว่าเกือบทุกเครื่องมือได้รับการประเมินว่าอยู่ในระดับ “มากที่สุด” โดย ระบบ e-Petition และระบบลงทะเบียนซื้อทรัพย์ล่วงหน้าในคดีแพ่งมีความพึงพอใจสูงถึง ร้อยละ 93.80 ส่วนในกระบวนการฟื้นฟูกิจการ ความพึงพอใจต่อ การยื่นคำขอจดทะเบียนผู้ทำแผน/บริหารแผนสูงสุดที่ ร้อยละ 95.00 และระบบ e-Petition สูงถึง ร้อยละ 95.20 ขณะที่กระบวนการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทออนไลน์ก็ได้รับการประเมินสูงถึง ร้อยละ 94.80
ในด้าน การเปรียบเทียบระหว่างความคาดหวังและความพึงพอใจสะท้อนว่า กรมบังคับคดีสามารถตอบสนองได้ใกล้เคียงหรือสูงกว่าความคาดหวังในหลายมิติ เช่น ด้านกระบวนการและขั้นตอนบริการ ความคาดหวัง ร้อยละ 89.20 แต่ความพึงพอใจอยู่ที่ ร้อยละ 90.00 ด้านการสื่อสารและประชาสัมพันธ์ ความคาดหวัง ร้อยละ 90.20 ขณะที่ความพึงพอใจสูงกว่าเล็กน้อยที่ ร้อยละ 90.40 ด้าน e-Service ความคาดหวัง ร้อยละ 88.80 และความพึงพอใจ ร้อยละ 90.00 2
เมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อน พบว่าความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้นในทุกด้าน โดยภาพรวมจาก ร้อยละ 96.60 ในปี 2567 เพิ่มเป็น ร้อยละ 97.20 ในปี 2568 กระบวนการที่มีการเพิ่มขึ้นชัดเจนคือ การไกล่เกลี่ยข้อพิพาทชั้นบังคับคดีจากร้อยละ 98.40 เป็น ร้อยละ 98.80 และ การฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้ จากร้อยละ 97.60 เป็น ร้อยละ 98.00 สะท้อนถึงการปรับปรุงอย่างต่อเนื่องของกรมบังคับคดี
ผู้ก่อตั้งซูเปอร์โพล ผศ.ดร.นพดล กรรณิกา กล่าวว่า กรมบังคับคดีได้รับความเชื่อมั่นและความพึงพอใจจากประชาชนในระดับสูงมาก โดยเฉพาะด้านความสามารถของเจ้าหน้าที่ ความโปร่งใสในกระบวนการ และความพร้อมของเครื่องมือดิจิทัลที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการ แม้จะยังมีประเด็นที่ต้องพัฒนาต่อไป เช่น การขยายการรับรู้บทบาทในด้านการฟื้นฟูกิจการ และการเพิ่มการใช้งานระบบดิจิทัลในบางกลุ่ม แต่โดยภาพรวม การดำเนินงานของกรมถือว่าประสบความสำเร็จในการสร้างความไว้วางใจและยกระดับคุณภาพการบริการได้อย่างเป็นรูปธรรม
นายเสกสรร สุขแสง อธิบดีกรมบังคับคดี กล่าวขอบคุณผู้รับบริการและเสริมว่า “งานของกรมบังคับคดี ไม่ได้มีเพียงการยึดทรัพย์หรือขายทอดตลาด แต่คือการเปิดโอกาสให้ประชาชนได้กลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง” นายเสกสรร สุขแสง กล่าวอย่างชัดเจนถึงวิสัยทัศน์การทำงาน โดยย้ำว่าความยุติธรรมไม่ได้สิ้นสุดเมื่อศาลมีคำพิพากษา แต่เพิ่งเริ่มต้นขึ้น ณ จุดนั้น ขณะเดียวกัน ท่านยังผลักดันแนวคิด “นักกฎหมายดิจิทัล” และ “พนักงานคดี AI” ที่สามารถทำงานแบบ One Stop Service ตรวจเอกสาร ให้คำปรึกษา และดำเนินการบังคับคดีได้ครบวงจร พร้อมทั้งพัฒนาเทคโนโลยี Blockchain, Digital ID, Big Data และ Cybersecurity เพื่อยกระดับความโปร่งใสและมาตรฐานการทำงาน ท้ายที่สุด นายเสกสรร สุขแสง ย้ำว่า “ความยุติธรรมในยุคนี้ ต้องไม่ใช่แค่ถูกต้องตามกฎหมาย แต่ต้องรวดเร็ว เข้าถึงง่าย และมีหัวใจ” เพราะกรมบังคับคดีที่แท้จริง ไม่ได้เป็นเพียงหน่วยงานยึดทรัพย์ แต่คือ “กลไกคืนศักดิ์ศรีและโอกาสครั้งใหม่ในชีวิต” ให้ประชาชนไทยอย่างเท่าเทียม