จากบทบาททายาทรุ่นที่ 4 ของกลุ่มบริษัท เกษตรไทย อินเตอร์เนชั่นแนล ชูการ์ คอร์ปอเรชั่น (KTIS) ของธุรกิจครอบครัว และในฐานะบุตรสาวของ ประพันธ์ ศิริวิริยะกุล ผู้บริหารที่ดำเนินธุรกิจหลักในอุตสาหกรรมน้ำตาลทราย และธุรกิจชีวมวล อาทิ โรงไฟฟ้าชีวมวล เอทานอล และผลิตภัณฑ์เยื่อกระดาษจากชานอ้อย "คุณปลา-ศิรอาภา ศิริวิริยะกุล”  ได้จุดประกายให้กับอุตสาหกรรมท่องเที่ยว แห่งใหม่ล่าสุด ที่จังหวัดพิษณุโลก ส่งเสริมการเที่ยวอย่างมีจริยธรรม ยกระดับสวัสดิภาพชีวิตช้างด้วยเมตตา อย่างมีมาตรฐานของปางช้างด้วยความเป็นมิตรต่อช้าง  ที่เอื้อให้ช้างได้สุขอย่างมีอิสระท่ามกลางธรรมชาติอย่างแท้จริง

บนพื้นที่กว่า 900 ไร่กลางผืนป่าพิษณุโลก “ศูนย์การเรียนรู้ช้างทรัพย์ไพรวัลย์ และทรัพย์ไพรวัลย์รีสอร์ท” ซ่อนตัวเงียบงามอยู่ในอ้อมกอดธรรมชาติ โดยมี คุณปลา-ศิรอาภา ซึ่งรั้งตำแหน่ง ผู้อำนวยการมูลนิธิช้างทรัพย์ไพรวัลย์ ทำหน้าที่บริหารจัดการและช่วยเหลือช้างแรงงานและช้างที่สุขภาพร่างกายย่ำแย่จากการทำงานหนักผ่านการสร้างความสุขให้คนเมือง ให้กลับคืนสู่วิถีตามธรรมชาติภายในป่าอุดมสมบูรณ์ โดยปัจจุบันมีช้างเพศเมีย 5 ตัว อายุ 40-60 กว่าปี ได้มีชีวิตใหม่ด้วยการฟื้นฟูร่างกายและจิตใจ ณ ศูนย์ฯแห่งนี้

สานต่อ ก่อด้วยรัก ประตูบานแรกสู่โลกของช้าง

การเริ่มต้นที่ไม่ได้เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านสัตว์ป่า แต่เริ่มต้นจากการสั่งสมและเรียนรู้เรื่องการดูแลช้าง ด้วยความรักและความตั้งใจ เพื่อให้ช้างมีชีวิตอย่างที่ “ควรจะเป็น” คือปฐมบทในครั้งนี้ คุณปลาย้อนความทรงจำวันแรกที่ชีวิตเธอก้าวเข้าสู่โลกของช้างว่า “ตอนที่ครอบครัวตัดสินใจซื้อรีสอร์ทแห่งนี้ เจ้าของเดิมขอให้ช่วยสานต่อเจตนารมณ์ในการดูแลช้างที่ได้เริ่มไว้ แม้ว่าช้างกลุ่มนั้นจะถูกส่งไปอยู่ที่ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทยแล้ว แต่ครอบครัวของเราก็ยังตัดสินใจสานต่อที่จะช่วยช้างกลุ่มใหม่ เพราะเรามีทั้งพื้นที่ ความรู้ในการเลี้ยงช้าง และมีกำลังพอที่จะดูแลได้ จึงเป็นจุดเริ่มต้นของการช่วยเหลือและดูแลช้างอย่างต่อเนื่องมาจนถึงทุกวันนี้”

มากกว่า “ความรับผิดชอบ” คือ “ความตั้งใจ”  และค่อยๆส่งผ่านเป็น ความรักและเข้าใจ  ก่อนหน้า “ปลาเป็นคนรักสัตว์ แต่ไม่ได้ผูกพันกับช้างเป็นพิเศษ พอได้เริ่มทำงาน และเข้ามาดูแลช้างที่ทรัพย์ไพรวัลย์ สิ่งที่เรารู้สึกทึ่ง คือ ช้างเป็นสิ่งมีชีวิตที่พิเศษมาก ๆ เขาฉลาด เรียนรู้ และมีความเข้าใจ โดยเฉพาะเรื่องความคิด ที่มีความลึกซึ้งไม่ต่างจากมนุษย์เลย”  ตัวอย่างเหตุการณ์ที่คุณปลารู้สึกประทับใจทุกครั้งที่นึกถึง เกิดขึ้นกับแม่ช้างท้องแก่ใกล้คลอด ซึ่งปกติจะมีสัตวแพทย์คอยดูแลอย่างใกล้ชิด อันเนื่องมาจากแม่ช้างที่ไม่มีประสบการณ์ อาจเหยียบ (ฆ่า) ลูกช้างหลังจากที่คลอดใหม่ๆ เพราะคิดว่าเป็นสาเหตุที่ทำให้ตัวเองเจ็บท้องและไม่รู้ว่านี่คือ ลูก กระทั่งในช่วงกลางคืน แม่ช้างได้คลอดลูกช้างออกมาโดยไม่มีสัตวแพทย์อยู่ คุณยายช้างซึ่งถูกผูกโซ่ไว้อีกจุดหนึ่งที่อยู่ห่างกัน กระชากโซ่จนขาดเพื่อมายืนเฝ้าแม่ช้างกับลูกช้างที่เพิ่งลืมตาดูโลกด้วยความเป็นห่วง แสดงถึงความเอื้ออาทรของสิ่งมีชีวิตที่ไม่ต่างจากคน

มุ่งมั่น ให้ มูลนิธิช้างทรัพย์ไพรวัลย์ เป็นศูนย์กลางการเรียนรู้

สร้างจุดมุ่งหมายการท่องเที่ยวใหม่ “ พาช้างมาให้คนดู ” เป็น “ พาคนไปดูช้างในป่า ”

ปัจจุบันศูนย์การเรียนรู้ช้างทรัพย์ไพรวัลย์ อยู่ภายใต้การดูแลของมูลนิธิช้างทรัพย์ไพรวัลย์ ที่ก่อตั้งขึ้นจากทุนทรัพย์ส่วนตัวของครอบครัว ภายใต้เป้าหมายเดียวคือ "เพื่อสร้างความมั่นใจว่า มีทุนทรัพย์เพียงพอในการดูแลช้างระยะยาว ไม่ว่าธุรกิจโรงแรมจะขึ้นหรือลง" และมีแนวคิดในการสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อช้างและสิ่งแวดล้อมด้วยการสร้างความตระหนักรู้เรื่องช้างแก่คนทั่วไป  โดยมีการปรับเปลี่ยนกิจกรรมและการดูแลช้างให้สอดคล้องกับการใช้ชีวิตตามธรรมชาติอย่างต่อเนื่อง เช่น ยกเลิกการขี่ช้างสำหรับนักท่องเที่ยว ป้อนอาหารช้าง อาบน้ำช้าง และเปลี่ยนแนวคิดจาก “พาช้างมาให้คนดู” เป็น “พาคนไปดูช้างในป่า”    

“เมื่อก่อนเราเคยให้ลูกค้าป้อนอาหารช้าง เคยมีการขี่ช้างแบบไม่ใช้แหย่ง แต่พอเรียนรู้มากขึ้นเราก็รู้ว่าถึงแม้จะไม่ใช้แหย่ง แต่ก็ยังมีผลกับสุขภาพจิตของช้างและความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว เราเลยค่อยๆ เปลี่ยนกิจกรรมทั้งหมด ไม่ขี่ช้าง ไม่ป้อนอาหารหรือสัมผัสช้าง ไม่อาบน้ำช้าง แต่เน้นการเดินตามช้างเข้าป่า
ทำ enrichment หรือของเล่นที่ซ่อนอาหารให้ช้างได้ใช้ประสาทสัมผัสเหมือนในธรรมชาติ” คุณปลาเล่า พร้อมอธิบายให้เห็นภาพชัดว่า

“ช้างเป็นสัตว์ใหญ่แต่ขี้ตกใจ !!!!! ครั้งนึงมีเด็กนักเรียนโยนหมวกให้เพื่อน ช้างเห็นแล้วตกใจวิ่งเตลิด   ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว และของควาญ  รวมถึงช้างเองด้วย จึงตัดกิจกรรมขี่ช้างออกไป  ส่วนกิจกรรมป้อนอาหารช้าง ช่วงก่อนหน้านั้นทุกเช้า เราจะเอาช้างมาผูกหน้าโรงแรม แล้วก็ให้ลูกค้าเอากล้วย อ้อยไปป้อน  เราก็พบว่า ขณะที่ช้างยืน เขาก็จะส่ายไปส่ายมา ซึ่งตอนเด็ก ๆ จะมีคนบอกว่า ช้างเต้นรำเก่ง เปิดเพลงแล้วส่ายหัว พอปลามาเรียนรู้จากสัตวแพทย์ หรือผู้เชี่ยวชาญ เขาบอกว่าช้างส่ายมันไม่ใช่เต้นนะ มันคือ Stereotype Behavior แปลว่าช้างอาจจะเบื่อ เครียด หรือ กังวล  คือ ช้างเป็นสัตว์ฉลาดต้องใช้สมองตลอดเวลา การถูกบังคับให้อยู่กับที่ เขาก็จะต้องการแสดงออกเพื่อให้ร่างกายไม่เครียด เราจึงเลิกผูกช้างหน้าโรงแรมด้วยโซ่สั้น เปลี่ยนจากเอาช้างมาให้นักท่องเที่ยวป้อนอาหาร เป็นพานักท่องเที่ยวไปหาช้างในป่าแทน ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้ไม่ใช่แค่ช้างที่สุขภาพดีขึ้น  ควาญช้างเองก็ผ่อนคลายมากขึ้นด้วย เพราะไม่ต้องคอยควบคุมหรือกังวลเรื่องความปลอดภัยจากกิจกรรมใกล้ชิดมากเกินไป  เช่นเดียวกับ กิจกรรมอาบน้ำ ที่อาจเกิดอันตรายหากช้างเล่นน้ำหรือไปกลิ้งทับนักท่องเที่ยว เราจึงยกเลิกกิจกรรมนี้”

Elephant Friendly จุดเปลี่ยนที่ยั่งยืน : ความร่วมมือกับองค์กรพิทักษ์สัตว์แห่งโลก 

จากความมุ่งมั่นที่จะพัฒนา และยกระดับ ศูนย์การเรียนรู้ช้างทรัพย์ไพรวัลย์ ให้เป็นปางช้างที่พร้อมพัฒนาสวัสดิภาพของช้างให้ดีขึ้น มูลนิธิฯ ได้เริ่มต้นความร่วมมือกับ องค์กรพิทักษ์สัตว์แห่งโลก ประเทศไทย (World Animal Protection Thailand) ตั้งแต่ช่วงวิกฤตโควิด-19 ภายใต้โครงการ "กองทุนพรุ่งนี้ที่ดีกว่าของช้าง"
ที่ให้การสนับสนุนสิ่งปลูกสร้างที่เหมาะสม การปลูกพืชอาหารช้าง ระบบน้ำพลังงานแสงอาทิตย์ และการดูแลสวัสดิภาพช้างในช่วงที่ขาดนักท่องเที่ยว

หลังสถานการณ์เริ่มคลี่คลาย มูลนิธิฯ จึงมุ่งพัฒนาต่อยอดไปสู่การเปลี่ยนผ่านเต็มรูปแบบสู่ " Elephant Friendly " เต็มตัว ที่ได้รับการสนับสนุนเงินทุนและองค์ความรู้สำหรับการดำเนินงาน ที่ลดการใช้โซ่ และปรับเปลี่ยนกิจกรรมแบบสัมผัสใกล้ชิด  ไปสู่รูปแบบที่เคารพธรรมชาติของช้างมากขึ้น “ตอนแรกเราก็กังวลว่าจะทำได้จริงไหม แต่เมื่อได้เห็นตัวอย่างจากปางอื่น และมีผู้เชี่ยวชาญจากองค์รกรฯ มาช่วยให้คำแนะนำ เราก็มั่นใจมากขึ้น”

เมื่อเริ่มเรียนรู้และปฏิบัติจนเห็นผลลัพธ์ คือสิ่งที่ทำให้คุณปลามั่นใจในรูปแบบของปางช้างที่เป็นมิตรต่อช้าง โดยเธอเล่าต่อว่า “เรารู้ว่าการทำงานกับช้างมีความละเอียดอ่อนแล้วก็มีประเด็นหลายอย่าง  ปลาเลยค่อนข้างกังวล แต่สิ่งที่จะดีกว่าเดิม คือ ถ้าเราทำตามหลักการของ Elephant Friendly ได้ มันก็มีประโยชน์ที่จะดีกับช้างมากขึ้น เช่น  ช้างถูกผูกโซ่สั้นในระยะเวลาที่สั้นลง แน่นอนอันนี้ดีกับช้าง แต่ควาญช้างก็จะเหนื่อยเพิ่มขึ้น ซึ่งตรงนี้เราก็บริหารจัดการควาญช้างด้วยการจัดสวัสดิการที่เพิ่มขึ้น เพื่อให้เขากระตุ้นให้เขารู้สึกอยากทำ

ประเด็นถัดมาที่ต้องอธิบายกันพอสมควร คือ การไม่ให้สัมผัสช้าง ก็จะมีประเด็นว่า  คนรักช้างมาถึงเขาก็อยากแสดงความรัก อยากสัมผัส อยากใกล้ชิด อยากป้อนอาหาร ซึ่งตรงนี้ปลาต้องพยายามโน้มน้าว อธิบายว่าการป้อนอาหาร มีความเสี่ยง บางครั้งช้างตกใจ หรือโกรธ ช้างอาจจะเอางวงฟาดได้ และต้องมีควาญช้างคอยควบคุมอย่างใกล้ชิด ควาญช้างก็กังวล เครียด หรือ ถ้าเกิดให้นักท่องเที่ยวอยู่ใกล้ชิดกับช้างมาก ก็มีโอกาสที่จะเกิดเหตุไม่คาดฝันจากช้าง ซึ่งสำหรับนักท่องเที่ยวแล้วคือความปลอดภัย   

ความรักของ “พังกำไร กับ แม่พังบุญหลาย” ความสุขปนรอยยิ้มของช้างที่ออกแบบได้

และที่สำคัญที่สุด คือผลต่อสุขภาพจิตของช้างหลังจากที่เราเริ่มทดลองปรับรูปแบบกิจกรรมให้ช้างได้ใช้เวลาอยู่ในธรรมชาติร่วมกันมากขึ้น เราก็เริ่มเห็นความเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจน อย่าง “พังกำไร” สาวใหญ่วัย 60+มีพฤติกรรมไม่ค่อยอยู่นิ่ง เวลาเดินก็จะเดินเร็ว ไม่สนใจใครเลย พอถึงช่วงที่นักท่องเที่ยวจะป้อนอาหาร ก็จะยืนส่ายไปมา บางทีก็ใช้งวงไปดึงมือนักท่องเที่ยว ทำให้ควาญต้องคอยระวังควบคุมพฤติกรรมตลอดเวลา แม้แต่ช้างตัวอื่นก็ไม่ค่อยกล้าเข้าใกล้ เพราะกลัว

หลังจากที่เราค่อยๆปรับพฤติกรรมโดยให้ เริ่มต้นทำกิจกรรมในป่า ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันกับช้างตัวอื่นมากขึ้น ได้เดิน ได้หากินตามธรรมชาติ ไม่ถูกกดดันหรือควบคุมแบบเดิม พังกำไรก็ค่อยๆ เปลี่ยนไป เริ่มมีปฏิสัมพันธ์กับช้างตัวอื่น และสนิทกับ “พังบุญหลาย” สาวใหญ่วัย 50+  ซึ่งเป็นช้างที่นิสัยดี ใจเย็น อ่อนโยน ทุกวันนี้ พังกำไร ก็จะชอบอยู่ใกล้พังบุญหลาย ถ้าวันไหนตอนเย็นไม่ได้เจอกัน เช้าขึ้นมา เขาจะต้องมาทักทายกัน ยืนคุยกันก่อน แล้วถ้าได้เดินด้วยกันก็จะดูมีความสุขมาก เดินกินอาหาร คุยกันไป หยุดแวะเล่นดินไปด้วยกัน เรารู้สึกได้เลยว่า จากช้างที่หงุดหงิดง่าย ตอนนี้พังกำไรกลายเป็นช้างที่อ่อนโยนขึ้น และนิ่งขึ้น”

พัฒนาสู่ ต้นแบบปางช้างที่เป็นมิตรต่อช้างอย่างสมบูรณ์

จากความร่วมมือ สู่การเปลี่ยนผ่านของ “ศูนย์การเรียนรู้ช้างทรัพย์ไพรวัลย์” ที่ให้ความสำคัญกับการยกระดับสวัสดิภาพช้างในทุกด้าน วันนี้ องค์กรพิทักษ์สัตว์แห่งโลก และ มูลนิธิช้างทรัพย์ไพรวัลย์ เตรียมที่จะเปิดตัว “Elephant Forest Phitsanulok” เพื่อสนับสนุนให้สถานที่แห่งนี้ คือต้นแบบปางช้างที่เป็นมิตรต่อช้างอย่างสมบูรณ์ และเป็นจุดหมายปลายทางใหม่อีกแห่งเพื่อสวัสดิภาพช้างไทย พร้อมส่งเสริมการตระหนักรู้ถึงสวัสดิภาพสัตว์ และการท่องเที่ยวอย่างมีจริยธรรม อันเป็นก้าวสำคัญในการส่งเสริมการท่องเที่ยวที่คำนึงถึงชีวิตสัตว์อย่างแท้จริง โดยมีกำหนดเปิดตัวอย่างเป็นทางการในปลายเดือนสิงหาคม 2568 นี้

“มีคนมาถามว่า คุณปลาดูแลช้างได้ดีมากเลย แล้วคุณปลาคิดว่าจะสร้างผลกระทบเชิงบวก หรือแรงกระเพื่อมกับสังคมอย่างไร  ปลาก็มาคิดว่า สมมุติว่า เราช่วยช้าง 6 ตัว ทำให้ช้าง 6  ตัว พ้นจากสภาพที่อาจจะไม่ดีเลย มาเป็นช้างที่สภาพชีวิตดีมาก อยู่ในป่ากับเพื่อนช้าง มีสังคมช้าง เหมือนได้กลับมาใช้ชีวิตที่ได้เป็นช้างอีกครั้ง แต่ถ้าเราช่วยมากกว่านี้ ก็อาจจะได้อีก 2 หรือ 4 หรือสูงสุดก็แค่ 10 ตัว ซึ่งคงไม่ตอบโจทย์

Elephant Friendly ที่องค์กรฯมีความมุ่งมั่นและตั้งใจที่จะให้เป็นโปรเจคที่จะเป็นตัวอย่างให้ปางช้างอื่นๆ เห็นว่า เรามีการท่องเที่ยวแบบใหม่ที่สามารถทำให้สวัสดิภาพของช้างและชีวิตของควาญช้างดีขึ้น ในขณะเดียวกันก็ยังสร้างรายได้ให้ปางช้างอยู่ได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่เรากับองค์กรฯคิดตรงกัน เพราะไม่เพียงเป็นการสร้างความเข้าใจใหม่ในการอยู่ร่วมกับสัตว์ด้วยความเคารพ แต่ยังจุดประกายให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในระดับประเทศด้วย

“ที่ผ่านมาเราทำงานกับช้าง แล้วมีความสุข แบบตื่นมาเดินกับช้าง แล้วถ้าเรามีชีวิตแบบนี้ไปเรื่อย ๆ
ก็ดีนะ ปลาเคยแอบมีความฝันว่า ถ้าทำธุรกิจสำเร็จแล้ว เมื่อไหร่เกษียณจะมาทำงานเป็นควาญช้าง” คุณปลา กล่าวด้วยน้ำเสียงที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความสุขทิ้งท้าย