วันที่ 21 ส.ค.2568 เวลา 12.30 น.ที่รัฐสภา กลุ่มรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตย ปักหลักชุมนุมที่ลานประชาชน อาคารรัฐสภา เพื่อเรียกร้องให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณายกเลิกบันทึกความเข้าใจ (MOU) ปี 2543 และ 2544 ซึ่งส่งผลกระทบต่อเขตแดนไทย-กัมพูชา

บรรยากาศการชุมนุมในช่วงบ่ายเป็นไปอย่างคึกคัก มีนักการเมืองและตัวแทนจากพรรคฝ่ายค้านทยอยลงมารับหนังสืออย่างต่อเนื่อง ได้แก่ นายไชยา พรหมา รองประธานสภาฯ คนที่หนึ่ง และนายฉลาด ขามช่วง รองประธานสภาฯ คนที่สอง รวมถึงตัวแทนจากพรรคพลังประชารัฐ พรรคภูมิใจไทย พรรคประชาชน พรรคชาติไทยพัฒนา และพรรคไทยสร้างไทย อย่างไรก็ตาม ไม่ปรากฏว่ามีตัวแทนจากพรรคร่วมรัฐบาลลงมารับหนังสือแต่อย่างใด

นายไชยชนก ชิดชอบ ส.ส.บุรีรัมย์ และเลขาธิการพรรคภูมิใจไทย ในฐานะตัวแทนพรรคฯ กล่าวว่า พรรคได้ติดตามสถานการณ์ความไม่สงบตามแนวชายแดนอย่างใกล้ชิด ซึ่งมีข้อมูลว่ากัมพูชาละเมิด MOU ปี 2544 มากกว่า 600 ครั้ง พรรคภูมิใจไทยเห็นว่าถึงเวลาแล้วที่สภาฯ ควรหยิบยกประเด็นนี้มาพิจารณาเพื่อนำไปสู่การยกเลิก โดยพรรคได้ยื่นญัตติด่วนเสนอให้ตั้งคณะกรรมาธิการศึกษาแนวทางการยกเลิกที่จะส่งผลกระทบน้อยที่สุด ก่อนจะนำเสนอข้อมูลสู่สาธารณะและจัดทำประชามติเพื่อรับฟังเสียงจากประชาชน พร้อมเรียกร้องให้ทุกพรรคการเมืองร่วมกันสนับสนุนแนวทางนี้ โดยมองว่าเรื่องของชาติอยู่เหนือการเมืองในประเทศ

ด้าน นายรังสิมันต์ โรม  สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคประชาชน กล่าวว่า ทุกคนที่มาร่วมชุมนุมล้วนเป็นผู้รักชาติและปรารถนาดีต่อประเทศ พรรคประชาชนเองก็พร้อมปกป้องผลประโยชน์ของชาติ และจะใช้การกระทำเป็นเครื่องพิสูจน์ความจริงใจ โดยยืนยันว่าพรรคฯ จะเสนอให้มีการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อพิจารณาเรื่องนี้อย่างรอบคอบและหาข้อสรุปให้ได้

"พี่น้องอาจจะไม่เชื่อหรือไม่ไว้วางใจพวกผม นั่นคือสิ่งที่พวกเราต้องน้อมรับ แต่ผมจะใช้การทำงานเป็นเครื่องพิสูจน์ในการเอาชนะใจพวกท่านให้ได้" นายรังสิมันต์ กล่าว

 

อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวรายงานว่าตั้งแต่พรรคประชาชนขึ้นเวที ได้เกิดเหตุการณ์วุ่นวายเล็กน้อย เมื่อกลุ่มมวลชนบางส่วนส่งเสียงโห่ร้องและตะโกนถ้อยคำไม่สุภาพ นายแก้วสรร อติโพธิ หนึ่งในแกนนำกลุ่มฯ ต้องเข้าห้ามปรามโดยคว้าไมค์เพื่อขอให้ทุกคนหยุดและให้เกียรตินักการเมือง แม้จะมีการขอให้สงบแต่ก็ยังมีเสียงโห่ดังขึ้นเป็นระยะตลอดเวลาที่นายรังสิมันต์ปราศรัย