เมื่อเวลา 10.30 น วันที่ 21 ส.ค. 68 ที่ศาลรัฐธรรมนูญ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญออกนั่งบัลลังก์ไต่สวนพยานบุคคลกรณีที่ประธานวุฒิสภา ส่งคำร้องของส.ว.จำนวน 36 คน ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่าความเป็นรัฐมนตรี ของน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 106 (4) และ (5) หรือไม่ เนื่องจากไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ และฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง จากกรณีคลิปเสียงบทสนทนาระหว่าง น.ส.แพทองธาร และสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา 

โดยนายนครินทร์ เมฆไตรรัตน์ ประธานศาลรัฐธรรมนูญ ชี้แจงกระบวนการพิจารณา ว่า วันนี้เป็นการนัดไต่สวนพยานบุคคลที่เรียกมาให้ถ้อยคำในคดีที่ประธานวุฒิสภาส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม มาตรา 82  ว่าความเป็นนายกรัฐมนตรีของน.ส.แพทองธาร ชินวัตร สิ้นสุดลงเฉพาะตัว ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่

ทั้งนี้ศาลไม่อนุญาตให้มีการถ่ายทอดภาพและเสียงในการไต่สวน เนื่องจากพยานบุคคลที่มาให้ถ้อยคำเป็นพยานคู่ และเป็นคดีที่เป็นความลับเกี่ยวกับความมั่นคงของประเทศ  ห้ามไม่ให้ผู้เข้ารับฟังการไต่สวนของศาลรัฐธรรมนูญ นำข้อความการไต่สวนออกไปเผยแพร่และห้ามไม่ให้บิดเบือนข้อเท็จจริง หรือข้อกฎหมายในลักษณะการสร้างความเข้าใจผิดต่อสาธารณชน

 

จากนั้นเจ้าหน้าที่ศาลได้มีการรายงานผู้มาศาล ของคู่กรณีว่า โดยฝ่ายผู้ร้องทางประธานวุฒิสภามอบฉันทะให้ ผู้แทนมาศาลประกอบด้วย 1.พล.อ.สวัสดิ์ ทัศนา สมาชิกวุฒิสภา 2.พล.ต.ต. ฉัตรวรรษ แสงเพชร สว . 3. นายชนินทร์ แก่นหิรัญ 4. นายตฤณ แก่นหิรัญ 5. นายอมร สุวรรณโรจน์ ส่วนผู้ถูกร้อง คือ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ และพยานบุคคล คือนายฉัตรชัย บางชวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.)

จากนั้นนายนครินทร์ แจ้งว่าในการไต่สวน ศาลฯได้มอบหมายให้นายวิรุฬห์ แสงเทียน และนายนภดล เทพพิทักษ์ เป็นผู้ดำเนินการไต่สวน และมีตุลาการศาลรัฐธรรมนูญท่านอื่นร่วมซักถาม

โดยนายวิรุฬห์ได้ขอไต่สวนนายฉัตรชัย เป็นปากแรก และขอให้น.ส.แพทองธารออกไปรอด้านนอก ทั้งนี้ หากผู้ร้องหรือทนายต้องการซักถามพยานของอีกฝ่ายหนึ่ง  ต้องได้รับอนุญาตจากศาลก่อน