เมื่อวันที่ 20 ส.ค.68 เพจ สรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว โพสต์ข้อความระบุว่า

 

‘กัมพูชา’ โทรศัพท์แจงไทย หลังเหตุการณ์ ’ทหารเขมร‘ โวยวายที่ช่องอานม้า ระบุเพราะทหารนายนั้นมี ’อาการเมา’ ด้านคณะผู้สังเกตการณ์ IOT เผย เจอเหตุการณ์จริง เห็นแล้วไทยมืออาชีพ และเป็นสุภาพบุรุษ

กองบัญชาการกองทัพไทย โดยกรมข่าวทหาร และกองทัพภาคที่ 2 ได้นำคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว (Interim Observer Team: IOT) จาก 8 ประเทศสมาชิกอาเซียน ลงพื้นที่โรงพยาบาลพนมดงรัก อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ พร้อมด้วย พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก นำคณะสื่อมวลชนต่างชาติ ลงพื้นที่ เพื่อดูความเสียหาย ที่เกิดจากการโจมตีด้วยเครื่องยิงระเบิด BM-21 ของกัมพูชา เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม ที่ผ่านมา

ในระหว่างการรับฟังบรรยายสรุปจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในจังหวัดสุรินทร์ ช่วงหนึ่ง พล.ต.ซัมซุล ริซัล บิน มูซา ผู้ช่วยทูตทหารมาเลเซียประจำประเทศไทย ในฐานะหัวหน้าคณะ กล่าวว่า การลงพื้นที่ของคณะ IOT เป็นไปตามข้อตกลงหยุดยิงระหว่างไทยและกัมพูชา เมื่อวันที่ 7 ส.ค.68 ซึ่งการมาลงพื้นที่ก็เพื่อมาดูข้อเท็จจริง นำไปรายงานผู้บังคับบัญชาหน่วยเหนือ คือผู้บัญชาการทหารสูงสุด และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมมาเลเซีย และมายืนยันด้วยตาตัวเองว่า เกิดอะไรขึ้นบ้าง โดยจะได้จัดทำรายงานเสนอไปยังทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง

พล.ต.ซัมซุล กล่าวว่า ประเด็นสำคัญที่ได้จากการลงพื้นที่ มีทั้งการใช้ทุ่นระเบิด การใช้อากาศยานไร้คนขับ และการยั่วยุโดยใช้ข่าวเท็จ หรือแถลงการณ์ รวมถึงการยั่วยุทางการทหาร ที่ได้เจอเหตุการณ์จริง

พล.ต.ซัมซุล ยังกล่าวในที่ประชุมอีกว่า จากเหตุการณ์เมื่อวานนี้ ที่ช่องอานม้า ที่อีกฝ่ายไม่มีความเป็นมืออาชีพ และทางไทยมีความเป็นสุภาพบุรุษ มีความเป็นมืออาชีพ เราทั้ง 8 ประเทศได้เห็นความชัดเจน โดยไม่ต้องตะโกนบอกใคร หรือไล่ใคร

ขณะที่พลตรี กรรณ บุญชัย รองเจ้ากรมข่าวทหาร ยังได้แจ้งในที่ประชุมว่า กองทัพภาคที่ 2 รายงานให้ทราบว่า ฝ่ายประสานงานของกัมพูชา ได้โทรศัพท์มาชี้แจงและขอโทษกรณีทหารของกัมพูชาที่มาโวยวายที่ช่องอานม้า มีอาการเมา แต่ขณะเดียวกันก็มีการเสนอข่าวในฝั่งกัมพูชาที่ชื่นชมทหารคนดังกล่าวจนกลายเป็นฮีโร่

โดย พล.ต.ซัมซุล ยืนยันว่าการลงพื้นที่ของคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว IOT ไม่ได้มาเพื่อตัดสินว่าใครถูกหรือผิด แต่มาดูการปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิง เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชนทั้งสองฝ่าย