วันที่ 19 ส.ค.68 สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ เป็นเจ้าภาพต้อนรับประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน และบรรดาผู้นำยุโรปอีก 7 คนที่ทำเนียบขาวในวันจันทร์ (18 ส.ค.) โดยการพบปะกันครั้งนี้มุ่งเน้นไปที่การแก้ไขวิกฤตการณ์ในยูเครน หลังจากการประชุมสุดยอดระหว่างทรัมป์กับประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ที่รัฐอะแลสกา เมื่อวันศุกร์ ปิดฉากลงโดยไม่มีความคืบหน้าใด ๆ

ทำเนียบขาวเปิดเผยว่า ปธน.ทรัมป์ได้หารือเป็นการส่วนตัวกับปธน.เซเลนสกีที่ห้องทำงานรูปไข่ในวันจันทร์ เวลา 13.15 น. ตามเวลาสหรัฐฯ (วันอังคาร 00.15 น. ตามเวลาไทย) ก่อนที่จะพบกับบรรดาผู้นำยุโรปที่ห้องอีสต์รูมของทำเนียบขาวในเวลา 15.00 น. ตามเวลาสหรัฐฯ (วันอังคาร 02.00 น. ตามเวลาไทย)

ผู้นำยุโรปที่เข้าร่วมประชุมครั้งนี้ได้แก่ มาร์ก รุตเตอ เลขาธิการองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (นาโต) NATO, อัวร์ซูลา ฟอน แดร์ ไลเอิน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป (EC), เคียร์ สตาร์เมอร์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ, จอร์เจีย เมโลนี นายกรัฐมนตรีอิตาลี, อเล็กซานเดอร์ สตับบ์ ประธานาธิบดีฟินแลนด์, ฟรีดริช แมร์ซ นายกรัฐมนตรีเยอรมนี และเอ็มมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส

สื่อของยุโรปต่างพากันให้ความสำคัญต่อการประชุมในครั้งนี้ โดยหนังสือพิมพ์ Daily Mail ของอังกฤษพาดหัวข่าวว่า "นี่เป็นวันดี-เดย์ที่ทำเนียบขาว" ขณะที่ Daily Mirror ระบุว่า "ยุโรปพร้อมใจกันลุกขึ้นสู้" ส่วนหนังสือพิมพ์ Die Welt ของเยอรมนีเรียกเหตุการณ์นี้ว่า "ช่วงเวลาแห่งความจริงสำหรับผู้นำสหรัฐฯ"

* ทรัมป์ผุดไอเดียจัดประชุมไตรภาคีร่วมกับปูติน-เซเลนสกี ผ่าทางตันสู่ข้อตกลงสันติภาพ

หลังจากการประชุมทวิภาคีจบลง ปธน.ทรัมป์ พร้อมด้วยปธน.เซเลนสกี ได้กล่าวกับผู้สื่อข่าวในห้องทำงานรูปไข่ว่า เขาคาดหวังว่าการประชุมกับปธน.เซเลนสกีในครั้งนี้จะนำไปสู่การประชุมไตรภาคีร่วมกับปธน.ปูตินในที่สุด โดยเขาจะทำงานร่วมกับยูเครนและทุกฝ่ายเพื่อให้แน่ใจว่าสันติภาพจะคงอยู่ พร้อมแสดงความเชื่อมั่นว่า ปธน.ปูตินเองก็ต้องการให้สงครามในยูเครนยุติลง

ด้านปธน.เซเลนสกีกล่าวว่า เขาสนับสนุนการยุติสงครามด้วยแนวทางการทูต และยูเครนพร้อมสำหรับการประชุมไตรภาคีร่วมกับรัสเซีย โดยประเด็นที่ละเอียดอ่อน ซึ่งรวมถึงเรื่องอาณาเขต จะถูกหยิบยกขึ้นมาหารือในการประชุมไตรภาคี

ปธน.เซเลนสกีย้ำว่า ยูเครนจะยินดีเป็นอย่างยิ่ง หากปธน.ทรัมป์สามารถเข้าร่วมการประชุมไตรภาคีกับเขาและปธน.ปูตินได้ ขณะที่ปธน.ทรัมป์กล่าวเสริมในเรื่องนี้ว่า การประชุมไตรภาคีดังกล่าวควรจัดขึ้น "โดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้"

* ยูเครนมีความหวัง หลังปูตินตกลงรับหลักประกันความมั่นคงให้กับยูเครน

สื่อรายงานว่า ในระหว่างการพูดคุยกับเหล่าผู้นำยุโรปเรื่องการให้หลักประกันด้านความมั่นคงสำหรับยูเครน ปธน.ทรัมป์ได้หยุดการเจรจาชั่วครู่เพื่อโทรศัพท์หาปธน.ปูติน

ปธน.ทรัมป์เปิดเผยเรื่องนี้บนทรูธ โซเชียลว่า "เมื่อการประชุมได้ข้อสรุป ผมได้โทรศัพท์หาปธน.ปูติน เพื่อแจ้งให้ทราบว่าผมจะเริ่มจัดการประชุมระหว่างปธน.ปูตินและปธน.เซเลนสกี โดยจะกำหนดสถานที่ในภายหลัง หลังจากนั้นจะมีการประชุมไตรภาคีซึ่งประกอบด้วยผู้นำทั้งสองคนและตัวผมเอง"

"ระหว่างการประชุม เราได้หารือเรื่องหลักประกันด้านความมั่นคงสำหรับยูเครน ซึ่งหลักประกันเหล่านั้นจะมาจากประเทศต่าง ๆ ในยุโรป โดยมีการประสานงานกับสหรัฐอเมริกา" ทรัมป์กล่าว

"ทุกคนมีความสุขมากกับความเป็นไปได้ที่จะเกิดสันติภาพสำหรับรัสเซียและยูเครน" ทรัมป์กล่าวเพิ่มเติม

ด้าน ยูริ อูชาคอฟ ที่ปรึกษาทำเนียบเครมลินยืนยันเรื่องการโทรศัพท์ดังกล่าว โดยเปิดเผยกับสื่อว่าเรื่องนี้เป็นการริเริ่มโดยปธน.ทรัมป์และใช้เวลาพูดคุยประมาณ 40 นาที พร้อมกับเปิดเผยว่า ทั้งปธน.ทรัมป์และปธน.ปูตินต่างแสดงการสนับสนุนการเจรจาโดยตรงระหว่างรัสเซียและยูเครน

ทั้งนี้ ปธน.ทรัมป์กล่าวว่า นี่เป็น "ก้าวที่สำคัญมาก" ที่ปธน.ปูตินได้ตกลงว่ารัสเซียจะยอมรับหลักประกันด้านความมั่นคงสำหรับยูเครน พร้อมกับกล่าวว่า หลักประกันด้านความมั่นคงนี้จะเป็นหัวข้อหลักในการประชุมพหุภาคี

"ผมมีมุมมองในแง่บวกว่า โดยรวมแล้ว เราจะสามารถบรรลุข้อตกลงที่จะยับยั้งการรุกรานยูเครนในอนาคตได้" ทรัมป์กล่าว

* ทรัมป์เปรย การเจรจาสันติภาพสามารถเกิดขึ้นได้แม้รัสเซีย-ยูเครนยังคงสู้รบ

"เราสามารถผลักดันการทำข้อตกลงสันติภาพในขณะที่พวกเขายังสู้รบกันได้" ทรัมป์กล่าวที่ห้องทำงานรูปไข่ และเสริมว่า "พวกเขาสู้รบกัน ผมหวังว่าพวกเขาจะหยุดสู้รบ ผมเองก็อยากให้พวกเขาหยุด แต่ในเชิงยุทธศาสตร์แล้ว มันจะเป็นข้อเสียเปรียบสำหรับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง"

ในช่วงหลายสัปดาห์ก่อนการประชุมสุดยอดกับผู้นำรัสเซีย ปธน.ทรัมป์เคยแสดงความต้องการให้มีการหยุดยิงอย่างเร่งด่วน แต่หลังจากพบปะกับผู้นำรัสเซียแล้ว ปธน.ทรัมป์ก็เริ่มส่งสัญญาณถึงความจำเป็นที่จะต้องเดินหน้าไปสู่ข้อตกลงสันติภาพ

* ยูเครน "ต้องการทุกอย่าง" เพื่อเป็นหลักประกันความมั่นคง

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าปธน.เซเลนสกีว่าต้องการหลักประกันด้านความมั่นคงอะไรจากปธน.ทรัมป์ เพื่อที่จะบรรลุข้อตกลง เขากล่าวว่า "ทุกอย่าง"

"หลักประกันนี้ประกอบด้วยสองส่วน ส่วนแรกเกี่ยวกับอาวุธ บุคลากร ภารกิจฝึกอบรม และข่าวกรองเป็นจำนวนมาก และส่วนที่สอง เราจะหารือกับพันธมิตรของเรา ซึ่งขึ้นอยู่กับประเทศใหญ่ ๆ อย่างสหรัฐอเมริกา และเพื่อน ๆ ของเราอีกมากมาย" ปธน.เซเลนสกีกล่าวโดยมีปธน.ทรัมป์ร่วมฟังอยู่ด้วย


*ยูเครนซื้ออาวุธสหรัฐฯ มูลค่า 9 หมื่นล้านดอลลาร์ผ่านยุโรป แลกหลักประกันความมั่นคง

หนังสือพิมพ์เดอะ นิวยอร์ก ไทมส์ รายงานว่า ปธน.เซเลนสกีได้กล่าวในระหว่างการแถลงข่าวที่ทำเนียบขาวว่า ยูเครนได้เสนอที่จะซื้ออาวุธจากสหรัฐฯ มูลค่าประมาณ 9 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยดำเนินการผ่านยุโรป

เซเลนสกีกล่าวว่า ข้อเสนอซื้ออาวุธดังกล่าวยังไม่เป็นทางการ แต่เป็นส่วนหนึ่งของหลักประกันความมั่นคงที่ได้หารือกัน และรายละเอียดของหลักประกันนี้จะได้รับการสรุปภายใน 10 วัน


* นายกฯ เยอรมนีเผย "ปูติน-เซเลนสกี" เตรียมพบกันภายใน 2 สัปดาห์

ฟรีดริช แมร์ซ นายกรัฐมนตรีเยอรมนี เปิดเผยหลังจากเข้าร่วมการประชุมพหุภาคีที่ทำเนียบขาวว่า การประชุมดังกล่าวเป็นไปด้วยดี แต่เตือนว่าขั้นตอนต่อไปจะมีความซับซ้อนมากขึ้น พร้อมกับเรียกร้องให้มีการกดดันรัสเซีย และเน้นย้ำว่า "ต้องมีการหยุดยิงก่อนการเจรจาเพิ่มเติม"

แมร์ซกล่าวว่า เขานึกภาพไม่ออกเลยว่าจะมีการเจรจารอบใหม่โดยไม่มีการหยุดยิงได้อย่างไร และเน้นย้ำว่าจำเป็นต้องมีการหยุดยิงก่อนจึงจะเริ่มการเจรจาอย่างจริงจังได้

ขณะที่ปธน.มาครงได้เสนอแนวคิดให้มีการประชุมจตุรภาคี (quadrilateral meeting) ซึ่งรวมฝ่ายยุโรปด้วย โดยกล่าวว่า "เมื่อเราพูดถึงหลักประกันด้านความมั่นคง เรากำลังพูดถึงความมั่นคงทั้งหมดของทวีปยุโรปด้วย"


* ปิดท้าย เซเลนสกีหยอกนักข่าวที่เคยวิจารณ์การแต่งกายของเขา

ปธน.เซเลนสกีได้พูดหยอกล้อกับนักข่าวที่เคยตั้งคำถามเกี่ยวกับการแต่งกายของเขา โดยในการเยือนทำเนียบขาวครั้งแรกเมื่อเดือนก.พ.ปีนี้ เซเลนสกีไม่ได้ใส่สูทและเนคไท ทำให้ไบรอัน เกลนน์ นักข่าวจากเครือข่ายอนุรักษ์นิยม Real America’s Voice ตั้งคำถามว่า "ทำไมคุณไม่ใส่สูท"

มาในครั้งนี้ เซเลนสกีปรากฏตัวในห้องทำงานรูปไข่ด้วยชุดสูทสีดำ ซึ่งเกลนน์ทักว่า "ดูดีมาก" ก่อนที่เซเลนสกีจะตอบกลับทันทีว่า เกลนน์สวมชุดสูทตัวเดิมอีกแล้ว เรียกเสียงหัวเราะดังลั่นไปทั่วห้อง