สโมสรนักศึกษาร่วมกับสายงานกิจการนักศึกษา มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (DPU) เนรมิตพื้นที่แห่งการสร้างมิตรภาพใหม่ผ่านกิจกรรม "วันวิสาสะ ม่วงฟ้ารับขวัญ สานสัมพันธ์ชาว DPU" ประจำปี 2568 เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม ที่ผ่านมา ภายใต้แนวคิด "สรวงสวรรค์แห่งมิตรภาพ" ที่มุ่งสร้างสายสัมพันธ์ข้ามคณะ ลดช่องว่างระหว่างรุ่นพี่รุ่นน้อง พร้อมเปิดโอกาสให้นักศึกษาใหม่ได้สร้างเครือข่ายอย่างกว้างขวาง พลิกโฉมจากรูปแบบเดิมที่เคยจำกัดอยู่เฉพาะภายในคณะ สู่การเปิดรับทุกความหลากหลาย ด้วยเป้าหมายให้นักศึกษาใหม่รู้สึกอบอุ่นเสมือนได้ "บ้านหลังที่สอง"
โดยกิจกรรมตลอดทั้งวันแบ่งออกเป็น 3 ช่วงหลัก เริ่มต้นด้วยพิธี “พิธีบายศรีสู่ขวัญ” โดยหมอทำขวัญ ณ ห้องประชุมปรีดี พนมยงค์ อาคารเฉลิมพระเกียรติ ชั้น 6 เพื่ออัญเชิญเทพยดาฟ้าดินมาอวยพรให้แก่นักศึกษา ต่อด้วยพิธีไหว้ครูและการผูกข้อมือรับขวัญ รวมพลังใจจากนักศึกษาทั่วทุกภูมิภาคให้เป็นหนึ่งเดียว โดยมีคณาจารย์นำโดย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. ทัณฑกานต์ ดวงรัตน์ รองอธิการบดี สายงานกิจการนักศึกษา เป็นประธานในพิธี ร่วมให้พรและผูกข้อมือรับขวัญแก่นักศึกษาใหม่แต่ละคนอย่างใกล้ชิดและเป็นกันเอง
ช่วงบ่ายถือเป็นไฮไลต์สำคัญของปีนี้ ด้วยกิจกรรมรับน้องอย่างสร้างสรรค์ที่นำระบบ “สลับซุ้ม” มาใช้ ทำให้นักศึกษาชั้นปีที่ 1 ได้มีโอกาสทำกิจกรรมร่วมกับรุ่นพี่จากคณะอื่นๆ นอกเหนือจากคณะของตนเอง โดยแต่ละวิทยาลัยและคณะจัดซุ้มกิจกรรมที่สะท้อนความคิดสร้างสรรค์ เช่น ซุ้ม “วันไหล” ของคณะนิเทศศาสตร์ หรือ ซุ้ม “บ้านลม” จากวิทยาลัยบริหารธุรกิจนวัตกรรมและการบัญชี หรือ CIBA ซึ่งเปิดให้นักศึกษาจากทุกคณะเข้าร่วมอย่างสนุกสนานและเท่าเทียม
สำหรับช่วงเย็น นักศึกษาและรุ่นพี่ได้มาร่วมรับประทานอาหารสตรีทฟู้ดบริเวณอาคารสุทธิเกตุ (ศูนย์กีฬามหาวิทยาลัย) ในบรรยากาศสบายๆ พร้อมเพลิดเพลินกับการแสดงดนตรีสดจากศิลปินวง DPU Band และศิษย์เก่าที่กลับมาร่วมสร้างสีสันและสานสัมพันธ์อย่างอบอุ่น
นายพิสิษฐ์ ถิระเรืองตระกูล นายกสโมสรนักศึกษามหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ ประจำปีการศึกษา 2568 ได้เปิดเผยถึงแรงบันดาลใจในการจัดงาน โดยกล่าวว่าเป้าหมายของกิจกรรมนี้คือ การสร้างพื้นที่ปลอดภัยที่นักศึกษาทุกคนสามารถเป็นตัวของตัวเอง และรู้สึกว่ามีบ้านหลังที่สองอยู่ในมหาวิทยาลัย “เราอยากให้น้องๆ รู้สึกเหมือนกำลังเข้าสู่สรวงสวรรค์ที่เต็มไปด้วยความอบอุ่นและมิตรภาพ ไม่ใช่แค่เข้ามาเรียน แต่เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว DPU เรา”
กิจกรรมครั้งนี้ยังออกแบบภายใต้กรอบความปลอดภัยและความสร้างสรรค์สูงสุด ตามข้อบังคับของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดยเน้นการพัฒนาทักษะที่จำเป็นต่อการใช้ชีวิตและการทำงาน ผ่านกิจกรรมกลุ่มที่ส่งเสริมการวางแผนและการแก้ปัญหาร่วมกัน นอกจากนี้ยังมีการ “พลิกบทบาท” ให้นักศึกษาใหม่ได้มีส่วนร่วมในการ “รับพี่” ซึ่งช่วยลดช่องว่างระหว่างรุ่นพี่รุ่นน้อง และสร้างความรู้สึกเท่าเทียมให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม
“กิจกรรมทำให้ระยะห่างระหว่างรุ่นพี่กับรุ่นน้องน้อยลง เราไม่ได้อยู่ในระบบที่พี่มีอำนาจเหนือกว่า แต่น้องก็สามารถมีบทบาทและแสดงออกได้อย่างเต็มที่” นายพิสิษฐ์ กล่าวพร้อมอธิบายว่า สังคมไทยเป็นสังคมแห่งการพึ่งพาอาศัย ไม่ว่าการเรียนหรือการทำงานก็มักต้องอาศัยเครือข่ายคนรอบตัว การมี Connection จึงไม่ควรถูกจำกัดอยู่เพียงในคณะเดียว แต่การได้รู้จักเพื่อนต่างคณะต่างสาขาจะกลายเป็นต้นทุนที่สำคัญ ทั้งในชีวิตการเรียนมหาวิทยาลัยและในเส้นทางอาชีพข้างหน้า
ในฐานะผู้นำ นายพิสิษฐ์ กล่าวด้วยรอยยิ้มถึงความสำเร็จของกิจกรรมในครั้งนี้ว่า “งานครั้งนี้จะประสบความสำเร็จไม่ได้เลยครับ ถ้าสโมสรนักศึกษาเราไม่ได้รับความร่วมมือที่ดีจากประธานในแต่ละคณะและวิทยาลัย รวมถึงการสนับสนุนจากผู้บริหาร โดยเฉพาะรองอธิการบดีสายการศึกษา ผศ. ดร. ทัณฑกานต์ ดวงรัตน์และ ดร. ณัทธสิฐษิ์ สิริปัญญาธนกิจ ผู้ช่วยรองอธิการบดีสายงานกิจการนักศึกษา ซึ่งท่านที่ได้เข้ามาช่วยและดูแลงานพวกเราอย่างใกล้ชิด”
ขณะที่ ผศ. ดร. ทัณฑกานต์ ดวงรัตน์ รองอธิการบดีสายงานกิจการนักศึกษา ได้กล่าวชื่นชมพลังของนักศึกษาและทีมงานสโมสรนักศึกษาที่ร่วมกันสร้างสรรค์ "วันวิสาสะ" ในปีนี้ว่า เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของการใช้ความคิดสร้างสรรค์อย่างมีเป้าหมาย และสอดคล้องกับความหมายจริงๆ ของ “วันวิสาสะ” ที่ว่าด้วย การ “ขอถือวิสาสะ” หยอกเล่นกับน้องสักหนึ่งวัน โดยปราศจากความรุนแรง เพื่อก่อให้เกิดความรัก ความเข้าใจ ความสามัคคี และความเคารพซึ่งกันและกัน ซึ่งเป็นสิ่งที่มหาวิทยาลัยยึดและปฏิบัติจนกลายเป็นประเพณีที่งดงามและสืบทอดมายาวนานที่แตกต่างจากการรับน้องที่อื่น
สำหรับปีนี้ มหาวิทยาลัยได้เร่งจัดงานในสัปดาห์แรกของการเปิดภาคเรียน เพื่อให้นักศึกษาใหม่ได้สัมผัสบรรยากาศความเป็น “เฟรชชี่” ตั้งแต่วันแรก พร้อมเปิดใจรับประสบการณ์ใหม่อย่างเต็มที่ และสร้างความทรงจำที่ดีติดตัวไปตลอดชีวิต นอกจากนี้ การรวมพิธีไหว้ครูเข้ากับวันวิสาสะเป็นปีที่สอง ยังช่วยผสมผสานระหว่างประเพณีอันดีงามกับกิจกรรมสร้างสรรค์ได้อย่างลงตัว
รองอธิการบดี ยังระบุว่า “วันวิสาสะ” ในปีนี้ถือเป็นต้นแบบที่ดีที่ควรพัฒนาต่อยอดในอนาคต เพราะนอกจากความสนุกสนานแล้ว กิจกรรมยังเปิดโอกาสให้นักศึกษาได้สร้างเครือข่ายระหว่างคณะ และเรียนรู้ทักษะข้ามศาสตร์ที่จำเป็นต่อการใช้ชีวิตและการทำงานในยุคปัจจุบัน ผ่านการหมุนเวียนเยี่ยมชมซุ้มกิจกรรม ซึ่งช่วยให้เห็นรูปแบบการนำเสนอและการสื่อสารที่หลากหลายจากแวดวงอาชีพต่างๆ รวมถึงเข้าใจลักษณะเฉพาะของแต่ละสาขา โดยเฉพาะนักศึกษาจากคณะใหม่ เช่น สุขภาพ พยาบาล หรือเทคนิคการแพทย์ ฯลฯ ที่ได้เปิดโลกทัศน์ตั้งแต่วันแรกที่เข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัย
“จากประสบการณ์ที่เห็นนักศึกษาหลายรุ่น ผมสังเกตว่าการจำกัดตัวเองอยู่แค่ในคณะเดียว ทำให้เด็กพลาดโอกาสในการเรียนรู้มุมมองที่หลากหลาย” ผศ. ดร.ทัณฑกานต์ กล่าว “การเปิดพื้นที่ให้ก้าวข้ามขอบเขตเดิมๆ ไม่เพียงช่วยพัฒนาทักษะทางสังคม แต่ยังเตรียมพร้อมสำหรับการทำงานในอนาคต”
และแม้จะมีการหยอกล้อระหว่างรุ่นพี่และรุ่นน้อง แต่สิ่งที่น่าประทับใจคือ ตลอดทั้งวันไม่มีข้อร้องเรียนหรือความขัดแย้งใด ทุกอย่างดำเนินไปอย่างปลอดภัยและเคารพสิทธิส่วนบุคคล แสดงให้เห็นถึงความเท่าเทียมและการเคารพสิทธิของนักศึกษาทุกคน พร้อมสะท้อนแนวคิดของ ‘บ้านหลังที่สอง’ ที่นักศึกษาอยากให้เป็น โดยใช้ความรัก ความเคารพ และเหตุผลแทนความกลัวหรือการใช้อำนาจ
ในโอกาสนี้ ผศ. ดร. ทัณฑกานต์ ยังได้ฝากข้อคิดไว้สำหรับนักศึกษารุ่นพี่ให้ใช้โอกาสนี้ฝึกการจัดกิจกรรมสร้างสรรค์ ซึ่งจะกลายเป็นทักษะล้ำค่าในอนาคต และสำหรับนักศึกษารุ่นน้อง ให้เก็บเกี่ยวประสบการณ์ที่หลากหลายและนำไปปรับใช้กับตัวเองและคณะ เพื่อการเรียนรู้ที่มีความสุขและเกิดประโยชน์จริง
“เป้าหมายของชีวิตคนเรา ไม่ได้จำกัดอยู่แค่การเรียนหรือการทำงาน ความสุขที่เราได้รับควรถูกส่งต่อไปยังผู้อื่น ครอบครัว และสังคม เพราะเมื่อเราสร้างความสุขให้สังคม สังคมก็จะดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง และทุกสิ่งก็จะดีไปพร้อมๆ กัน”
ด้าน นายพิสิษฐ์ ถิระเรืองตระกูล นายกสโมสรนักศึกษา ก็ได้กล่าวย้ำเสริมว่า กิจกรรมนี้นอกจากช่วยให้นักศึกษาใหม่รับรู้เจตนาและความหวังดีของอาจารย์ที่ต้องการให้พวกเราเติบโต และประสบความสำเร็จจนถึงวันรับปริญญาในอีก 4 ปีข้างหน้า แต่ยังเปิดโอกาสให้ทุกคนผลัดกันเป็นผู้นำและแสดงศักยภาพของตนเอง สอดคล้องกับปรัชญาการทำงานของสโมสรที่ว่า “ไม่จำเป็นต้องมีผู้นำคนเดียว” แต่ทุกคนสามารถมีส่วนร่วมและสร้างสรรค์กิจกรรมร่วมกัน ประสบการณ์นี้ไม่เพียงช่วยให้นักศึกษาใหม่เรียนรู้การทำงานร่วมกัน แต่ยังเตรียมความพร้อมสำหรับชีวิตและการทำงานในอนาคตอย่างรอบด้าน
สำหรับแผนงานต่อไป สโมสรนักศึกษามีแนวคิดจัดกิจกรรม “เปิดโลกกิจกรรม” เพื่อให้นักศึกษาใหม่ได้รู้จักกับชมรมต่างๆ กว่า 20 ชมรมภายในมหาวิทยาลัย พร้อมเปิดพื้นที่ให้สร้างสรรค์และสร้างรายได้ด้วยตนเอง ส่งเสริมการพัฒนาความสามารถรอบด้านตั้งแต่วันแรกของชีวิตนักศึกษา
ทั้งนี้ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ สถาปนาขึ้นเมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2511 โดย ท่าน ดร. ไสว สุทธิพิทักษ์ และท่านอาจารย์สนั่น เกตุทัต ร่วมกันก่อตั้ง โดยปัจจุบันตั้งอยู่ริมคลองประปา ถนนประชาชื่น บนเนื้อที่กว่า 130 ไร่ มีตราสัญลักษณ์เป็น “พระสิทธิธาดา” ปางหนึ่งของพระพิฆเนศ เทพเจ้าแห่งปัญญาและความสำเร็จ