วันที่ 15 ส.ค.68 นาย ภัทรพงศ์ ศุภักษร หรือ ทนายอั๋น บุรีรัมย์ เดินทางมาทำกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ มอบ "รางวัดที่ดินเขากระโดง จังหวัดบุรีรัมย์" ให้แก่ นาย วีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย ในฐานะที่เป็นตัวแทนภาคประชาชนชาวจังหวัดบุรีรัมย์ เพื่อสะท้อนความรับผิดชอบ และ แสดงเจตนารมณ์ ถึงจุดยืนที่ได้ต่อสู้เรียกร้องทวงคืน ผืนที่ดิน เขากระโดง ซึ่งเป็นสมบัติของชาติ มาโดยต่อเนื่อง
แม้ที่ผ่านมา ผู้ว่าการรถไฟฯ ในฐานะผู้ดูแลสมบัติของชาติ ซึ่งดำรงตำแหน่งเจ้าหน้าที่ หรือ พนักงานของรัฐ และ ได้รับค่าตอบแทนจากภาษีประชาชน จึงมีหน้าที่ดูแลปกป้องผืนที่ดินดังกล่าว แต่กลับไม่ปรากฏความพยายามใดๆ ในการทวงคืน อีกทั้งยังมีผู้ครอบครองที่ดินออกมากล่าวถ้อยคำในลักษณะดูหมิ่น และ ท้าทายอำนาจ หยามเกียรติ ในลักษณะดังกล่าว ซึ่งผู้ว่าการรถไฟฯ เอง กลับมิได้แสดงท่าทีตอบโต้ หรือ ดำเนินการใดๆ ต่อบุคคลเหล่านั้น
ด้วยเหตุนี้ จึงตัดสินใจนำ "เอกสารรางวัดที่ดินเขากระโดง(เชิงสัญลักษณ์)" ใส่กรอบ มามอบให้ ณ ที่ทำการรถไฟแห่งประเทศไทย หัวลำโพง
ซึ่งทาง นาย วีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย ได้มอบหมายให้ นาย สืบ ประทุมศิริ หัวหน้าสำนักงานอาณาบาล การรถไฟแห่งประเทศไทย เป็นผู้แทนเข้ามารับมอบ รางวัด ที่ดิน เชิงสัญลักษณ์ จาก ทนาย "อั๋น บุรีรัมย์" ในวันนี้
ทนายอั๋น กล่าวว่าในฐานะ ที่ ผมเป็นคน บุรีรัมย์ มาโดยกำเนิด ย่อมมีความหวงแหนในแผ่นดินเกิด และ ที่ดินซึ่งเป็นสมบัติของชาติ ตั้งแต่ ล้นเกล้าในหลวงรัชกาล 5 ในหลวงรัชกาลที่ 6 ที่พระราชทานที่ดินให้กับประชาชนชาวบุรีรัมย์
ซึ่งผมต่อสู้เรื่องนี้มาตลอด 3 ปี อย่างต่อเนื่อง ก็ได้ทราบ และ ติดตาม วันนี้เดินทางมาที่การรถไฟแห่งประเทศไทย ก็เพื่อที่จะมอบโฉนดรางวัดเขากระโดง เชิงสัญลักษณ์ ให้กับผู้ว่าการรถไฟฯ ด้วยเห็นว่า ผู้ว่าฯ ท่านมีภาระหน้าที่ในความรับผิดชอบเกี่ยวกับการทวงคืน หวงแหน ปกปักษ์ รักษาผลประโยชน์ของชาติ
เท่าที่ผมดูจากสื่อ ก็ไม่เห็นว่า ผู้ว่าการรถไฟฯ จะออกมาแอคชั่น หรือ แสดงลักษณะดังกล่าวว่าจะเป็นการทวงคืนที่ดิน "เขากระโดง" ให้จนได้ และ เมื่อไปดูเอกสาร ว่า ผู้ว่าฯ นั้น มีหน้าที่อะไร ดูคำสั่ง ดูวาระการแต่งตั้ง จากสำนักเลขาคณะรัฐมนตรี โดยท่าน สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ เป็นคนออกคำสั่งเซ็นแต่งตั้ง เสนอชื่อ ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย(คนปัจจุบัน) พบว่า มีค่าตอบแทน หรือ เงินเดือนสูงถึง 370,000 บาท ไม่รวมสวัสดิการอย่างอื่น อยากให้ท่านนั้นได้ Action ทวงคืนที่ดินเขากระโดงให้กลับคืนมาเป็นของพี่น้องประชาชน ผมเองเป็นประชาชน ไม่ได้มี เบี้ยหวัด หรือ เงินเดือน จากสวัสดิการของทางภาครัฐ ก็ทำได้เท่าที่ทำได้ในฐานะ ทนาย มีความหวังเป็นอย่างยิ่งว่า "รางวัดเชิงสัญลักษณ์ใส่กรอบเขากระโดง" กรอบนี้ จะเป็นสัญลักษณ์ให้กับท่านผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย ถ้าทางท่านผู้ว่าฯ ไม่ทำ หรือ จะให้ผม "ทนายอั๋น บุรีรัมย์" เป็นคนทำ
วันนี้ ผมมาแสดงเจตจำนงค์ แทนพี่น้องประชาชนชาวจังหวัดบุรีรัมย์ ผมพร้อมที่จะลุยเต็มที่ และ หากว่า ทางผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศ ซึ่งเป็นคนที่ดูแลออกคำสั่งในฐานะนิติบุคคล ผมยินดี ในฐานะเป็นผู้ประกอบวิชาชีพ "ทนายความ" ก็ยินดีที่จะเป็นทนายความในการ // ทวงคืน ฟ้อง ขับไล่ เรียกคืนที่ดินเขากระโดง // ร่วมกับทาง "ทีมกฎหมายของการรถไฟฯ"
สำหรับ รางวัดเชิงสัญลักษณ์เขากระโดง นี้ เป็นแบบจำลอง ซึ่งเป็นการรางวัด ของ กรมที่ดิน และ คณะกรรมการพิจารณาคดีเขากระโดง ร่วมกับทาง การรถไฟแห่งประเทศไทย ซึ่งไปชี้เขตแนว ในขณะนั้น
ผมเชื่อว่า รางวัดฉบับนี้น่าจะสมบูรณ์ที่สุด ในนวัตกรรมสมัยใหม่ ซึ่งทำขึ้นมาตามคำสั่งของ ศาลปกครอง ที่มีคำสั่งให้ทำแนวเขตที่ดิน ในส่วนของพื้นที่ของ กรมที่ดิน อยู่ตรงไหน? การรถไฟ อยู่ตรงไหน? ซึ่งก็ได้ออกมาเป็นรูปแบบนี้. ที่พูดกันว่า 1 กิโลเมตร ตามแนบท้ายหนังสือเขตของกรมที่ดิน ซึ่งเถียงกันว่า มีแผนที่แนบท้ายพระราชกฤษฎีกา 1 กิโลเมตร ซ้าย-ขวา ก็ได้ออกมาเป็นรูปแบบนี้ น่าจะสมบูรณ์ที่สุด ฉะนั้น อย่ามาต่อสู้ อย่ามาพูดว่าแนวเขตอยู่ตรงไหน ไม่ชัดเจน นี่แหละ ชัดเจนที่สุดครับ
ในฐานะตัวแทนของการรถไฟ ขอขอบคุณ "ทนายอั๋น" ที่ช่วยกันผลักดันเรื่องนี้ อย่างที่นำเรียน บางครั้งอาจจะไม่ได้รับทราบข้อมูล ซึ่งท่านผู้ว่าการรถไฟฯ ได้มีการดำเนินการเรื่องนี้มาโดยตลอด และ ก็เร่งรัดให้ผู้ที่เกี่ยวข้องนั้น ดำเนินการอย่างเต็มที่ ให้เป็นไปตามกระบวนการขั้นตอนของทางกฎหมาย โดยทาง การรถไฟแห่งประเทศไทย ขณะนี้ก็ได้มีการดำเนินการอยู่ ขอขอบคุณ.