“กกต.”เผย ส่งศาลฟัน ฮั้วเลือก สว. 32 คน ทั้งคนเป็นสว. และคนไม่ได้รับเลือก พร้อมแจงกระบวนการสอบโปร่งใสใช้เวลารอบคอบเพื่อความยุติธรรม ระบุ คณะชุด 26 สรุปสำนวนร้อยคน หลักฐานพันหน้า ลั่นไม่ยื้อเวลา แม้ถูกจับตา “ภูมิธรรม” รับคดีฮั้ว “สว.-เขากระโดง” เป็นเรื่องใหญ่ต้องสางให้ชัดเจน เหตุสาธารณชนสนใจ บอกคดีหลาย 10 ปียังเทียบ 6 ปีไม่ได้ ลั่นดูความใหญ่ของคดี
เมื่อวันที่ 14 ส.ค.68 ที่กระทรวงมหาดไทย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีพรรคภูมิใจไทยเรียกร้องให้นายภูมิธรรม ในฐานะประธานคณะกรรมการคดีพิเศษติดตามตรวจสอบคดีบริษัทครอบครัว น.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตรกรรม (อว.) หลังกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) รับเรื่องสอบสวนเป็นคดีพิเศษการขุดบ่อน้ำรุกที่สาธารณะ จ.อุบลราชธานี หลังเอาแต่เร่งรัดตรวจสอบคดีที่ดินเขากระโดง และฮั้ว สว. ว่า ตนคิดว่าดีเอสไอคงทำทุกเรื่อง แต่ยอมรับว่า เรื่องฮั้วสว.เป็นเรื่องใหญ่ ถ้าเป็นจริงตามนั้นถือเป็นการทำลายระบอบกฎเกณฑ์ ระบอบประชาธิปไตย ถือเป็นเรื่องใหญ่ที่สุด สามารถมองได้ เป็นเรื่องที่สาธารณชนให้ความสนใจ
นายภูมิธรรม กล่าวว่า ขณะที่เรื่องเขากระโดงเป็นเรื่องใหญ่อีกเรื่องที่สำคัญ และเป็นการปฏิบัติตามคำพิพากษาศาลฎีกาที่ตัดสินไปแล้ว ในเรื่องที่ดินประมาณ 5 พันกว่าไร่ที่คั่งค้างมานาน และเรื่องนี้ก็ช้ามาเป็น 10 ปีแล้ว จะบอกว่า เร่งรีบไม่ได้ แต่เป็นเรื่องที่ต้องสางให้เกิดความชัดเจน
เมื่อถามว่า มีการอ้างว่า 6 ปีแล้วแต่ดีเอสไอยังไม่สั่งฟ้องคดีของ น.ส.สุดาวรรณ นายภูมิธรรม ย้อนถามว่า "เอา 6 ปีมาเปรียบเทียบกว่า 10 กว่าปี ต้องดูความใหญ่นะครับ แต่ไม่เป็นไรมีสิทธิที่จะถามได้ แต่เชื่อว่าคนส่วนใหญ่ คนทั้งประเทศเขาสนใจเรื่องเขากระโดงมากกว่า ส่วนเรื่องอื่นก็ว่าไปตามกระบวนการกฎหมาย และเรื่องเขากระโดงขอให้เกิดความชัดเจน ถ้าคิดว่ามีปัญหาก็ทำให้ชัดเจน"
เมื่อถามว่า การเพิกถอนที่ดินเขากระโดงต้องรอให้อธิบดีกรมที่ดินคนใหม่เข้ามาเซ็น หรือให้คนรักษาการทำก่อนได้หรือไม่ หลังประกาศจะเพิกถอนตั้งแต่วันที่ 2 ส.ค.ที่ผ่านมา นายภูมิธรรม กล่าวว่า ตนตอบหลายครั้งแล้ว รอให้มีการโปรดเกล้าฯอธิบดีกรมที่ดินคนใหม่เข้ามา จะทำหน้าที่ทันที
ด้าน นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าคดีฮั้วเลือก สว.ภายหลังคณะกรรมการสืบสวนไต่สวนชุดที่ 26 สรุปสำนวนส่งไปยังรองเลขา กกต.ว่า ขั้นตอนในขณะนี้ผ่านจากคณะกรรมการฯ ชุดที่ 26 ซึ่งเป็นการพิจารณาคดีในขั้นตอนแรก อยู่ระหว่างการทำงานของรองเลขา กกต. โดยทราบอย่างไม่เป็นทางการว่า ในจำนวนผู้ที่ถูกกล่าวหา และผู้ถูกร้องที่มีประมาณร้อยกว่าคน มีบางคนได้สั่งให้แจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติม และสั่งไต่สวนเพิ่มเติมแล้ว
เมื่อถามถึงกรณีมีการท้วงติงว่า กกต.ใช้เวลาในการพิจารณานานนั้น ประธาน กกต. กล่าวว่า เวลาที่กำหนดไว้เป็นเวลาที่อำนวยความยุติธรรมให้กระบวนการพิจารณาในแต่ละลำดับไม่เกิดความล่าช้า หากจะช้าไปบ้างก็ต้องมีเหตุผลว่าเหตุใดถึงช้า ไม่เช่นนั้นก็จะไม่เกิดความยุติธรรมกับใคร การที่กกต.ออกประกาศกกต.มานั้น ได้มีการกำหนดการดำเนินการในแต่ละขั้นตอนว่าใช้เวลาเท่าไหร่ เป็นเพราะไม่ต้องการให้เกิดความล่าช้า ซึ่งไม่กระทบต่อสำนวน และเนื้อหา โดยจากสำนวนของคณะกรรมการชุดที่ 26 มีผู้ที่ถูกกล่าวหาเป็นร้อยคน และมีเอกสารหลายพันหน้า ต้องใช้เวลา ดังนั้นกระบวนการจึงต้องใช้ความรอบคอบ เพราะเป็นกระบวนการยุติธรรม
ประธาน กกต. กล่าวถึงความคืบหน้าเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการฮั้วเลือก สว.อื่น ๆ ว่า เรื่องร้องเรียนการฮั้วเลือก สว.ระดับจังหวัด โดย กกต.มีมติในส่วนของการเลือก สว.ระดับจังหวัดที่ จ.ร้อยเอ็ด ไปตั้งแต่เดือน เม.ย.ที่ผ่านมาให้ส่งศาลดำเนินการกกต.ก็ได้ดำเนินการแล้วเสร็จภายใน 1 ปี และวานนี้ (13 ส.ค.) กกต.ได้มีมติให้ส่งเรื่องการฮั้วเลือก สว.ระดับจังหวัด ที่ จ.ยะลา ส่งศาลให้ดำเนินการโดยมีผู้ถูกกล่าวหา 32 คน ทั้งนี้คณะกรรมการฯ ชุดที่ 26 ได้ใช้ระยะเวลาในการดำเนินการมา 1 ปี ย้ำว่าคณะกรรมกาาฯ ชุดที่ 26 เป็นที่สนใจของสาธารณชนมีผู้ที่เกี่ยวข้องและมีพยานหลักฐานเป็นจำนวนมาก ดังนั้นจำเป็นต้องใช้ระยะเวลาบ้าง คณะกรรมการฯชุดดังกล่าว ทำหน้าที่ตั้งแต่เดือน มี.ค. สำหรับตนมองว่าทำงานค่อนข้างจะรวดเร็ว
นายอิทธิพร กล่าวอีกว่า ผู้ที่ถูกกล่าวหา 32 คน ว่าเกี่ยวข้องกับการฮั้วเลือกสว.ระดับจังหวัดที่ส่งศาลไปมี 12 สำนวน มีจำนวนไม่มากเท่ากับของคณะชุดที่ 26 ว่า ในจำนวนนี้มีทั้งผู้ที่ได้รับเลือกและไม่ได้รับเลือก อีกไม่นานคำวินิจฉัยศาลก็คงจะออกรอติดตามได้ ส่วนที่มีการเรียกรับทราบข้อกล่าวหาเพิ่มนั้นตนไม่ทราบจำนวนเพราะเป็นกระบวนการอยู่ในความรับผิดชอบของคณะกรรมการชุดที่ 26 ซึ่งตนจะไม่เข้าไปแทรกแซง โดยได้รับแจ้งว่าจะพยายามทำงานตามกรอบเวลา เพราะตระหนักดีถึงความสนใจของประชาชน แต่ในขั้นตอนของกฎหมายจำเป็นที่จะต้องแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมสำหรับบางคน และให้ดำเนินการไต่สวนเพิ่มเติมในบางประเด็น โดยในบรรดาเกือบ 200 คนเมื่อกกต.ตรวจสำนวนแล้วเห็นว่าข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานยังไม่เพียงพอ ก็สามารถแจ้งให้คณะกรรมการชุดที่ 26 ไปสอบเพิ่มได้ต้องอำนวยความยุติธรรมให้กับทุกฝ่าย
เมื่อถามว่าอาจจะเป็นมองว่ายื้อเวลาให้กับ สว.หรือไม่นั้น นายอิทธิพร กล่าวว่า อาจจะถูกมองแบบนั้นได้แต่ยืนยันว่า กกต.ไม่ได้ทำงานเช่นนั้น