“มทภ.2” เผย “ในหลวง” ทรงติดตามสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ลั่นทหารพร้อมสละชีพเพื่อชาติทุกคน ลั่น ไม่หวั่นโดนเช็คบิลหลังเกษียณฯ หากคิดดีทำดี ส่วน “ศบ.ทก.”วอนทั่วโลก จับตากัมพูชา หลังวางทุ่นระเบิดใส่ทหารไทยไม่หยุด ขณะที่ “กต.” เตรียมนำคณะทูตลงพื้นที่อุบลฯและศรีสะเกษเสาร์นี้ ส่วน “กองทัพ” เตรียมนำ“คณะผู้สังเกต การณ์” ทางทหารลงพื้นที่ 18 ส.ค.นี้ ด้าน “ภูมิธรรม” เผยรอ “สมช.” ประเมินยุบ “ศบ.ทก.”
เมื่อวันที่ 14 ส.ค.68 นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และคณะกรรมการศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา (ศบ.ทก.) เปิดเผยว่า รัฐบาลไทย ขอชี้แจงข้อเท็จจริงต่อประชาคมโลก เพื่อให้ กัมพูชาให้ยุติพฤติกรรม ลอบวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ซึ่งเป็นการกระทำที่ขัดต่อกฎหมายระหว่างประเทศ อนุสัญญาออตตาวา จริยธรรมและหลักมนุษยธรรมขั้นพื้นฐานอย่างร้ายแรง
ทั้งนี้ รัฐบาลโดยกระทรวงการต่างประเทศ เตรียมนำคณะทูตโดยเฉพาะผู้แทนจากสถานทูตประเทศที่เป็นภาคีของ Ottawa Convention ลงพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานี และจังหวัดศรีสะเกษ ในวันเสาร์ที่ 16 สิงหาคม 2568 โดยคณะจะเดินทาง ไปยังจังหวัดอุบลราชธานี และเดินทางต่อไปยังผามออีแดง จังหวัดศรีสะเกษ เพื่อรับฟังการบรรยายสรุป และการทำงานของเจ้าหน้าที่ในการเก็บกู้ทุ่นระเบิดของหน่วยปฏิบัติการทุ่นระเบิดด้านมนุษยธรรมที่ 2 ในพื้นที่ภูมะเขือ ก่อนเดินทางไปตรวจพื้นที่ความเสียหายพลเรือน ที่บ้านหนองเม็ก ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ โรงเรียนภูมิซรอลวิทยา พร้อมรับฟังบรรยายสรุปจากผู้แทน
นอกจากนี้ ในส่วนของกองทัพไทย ได้วางกำหนดการในการนำคณะผู้สังเกตการณ์ทางทหารชั่วคราว (Interim Observer Team : IOT) ลงพื้นที่ ระหว่าง 18-20 สิงหาคม 2568 ด้วย
นายจิรายุ ย้ำว่า รัฐบาลไทยยึดมั่นในการรักษากฎหมายระหว่างประเทศ เคารพในหลักมนุษยธรรม และพร้อมเปิดเผยข้อเท็จจริงต่อสายตาประชาคมโลก เพื่อให้ทุกฝ่ายเห็นถึงความมุ่งมั่นของไทยในการแก้ไขสถานการณ์อย่างสันติและเป็นธรรม ทั้งนี้ รัฐบาลจะดำเนินการทุกช่องทางเพื่อปกป้องอธิปไตยและความปลอดภัยของประชาชนไทยอย่างเต็มกำลัง
ที่โรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 พร้อมด้วย พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ร่วมบรรยายพิเศษสถานการณ์ชายแดนไทย - กัมพูชา และบทบาทหน้าที่ของกองทัพบก และคนไทยทุกคน
ทั้งนี้ พล.ท.บุญสิน กล่าวว่า หากพี่น้องคนไทยสู้ ลูกหลานเราสู้ พี่ๆ ทหารก็สู้ เพื่อแผ่นดินที่บรรพบุรุษได้รักษาไว้เราจะต้องปกป้อง ใครรุกล้ำดินแดนของเรา ต้องผลักดันออกไป ยืนยันว่า เราไม่ได้รุกล้ำประเทศอื่น เรารบในประเทศไทยทั้งนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงห่วงใยอยู่ตลอดเวลา ท่านได้สอบถามสถานการณ์ไปที่แม่ทัพทุกวัน โดยกองงานของพระองค์ ได้สอบถามสถานการณ์จากแม่ทัพ และได้รายงานทุกวัน สิ่งเหล่านี้คือจอมทัพไทย และตั้งแต่ประวัติศาสตร์พระมหากษัตริย์ทรงเป็นองค์นำกองทัพ และปัจจุบันก็ยังเป็นเช่นเดิม ดังนั้น ทหารทุกคนพร้อมสละชีพเพื่อชาติทุกคน และปัจจุบันเรายังอยู่หน้าที่หน้าแนว แม้สถานการณ์จะเป็นอย่างไรเราก็พร้อม ไม่ว่าจะยุติก็ได้หรือจะรบต่อก็พร้อม
“ผมมีหน้าที่ปกป้องอธิปไตย ตามรัฐธรรมนูญ ผมมาเพื่อสิ่งนี้ เพื่อขับไล่ศัตรูออกจากแผ่นดินใหญ่ให้รวดเร็วและ ไม่เคยเหนื่อย การทำหน้าที่ เพื่อประเทศชาติเพื่อแผ่นดิน ไม่มีเวลาป่วยไข้ หรือทะเลาะกับคนในประเทศ มีอย่างเดียวไล่ศัตรูออกจากเขตประเทศ หากแม่ทัพไม่เข้มแข็ง จะทำอย่างไร ฉะนั้นคำว่าเหนื่อยไม่มี พร้อมที่จะทำหน้าที่เพื่อปกป้องชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และประชาชน”
ทั้งนี้ พล.ท.บุญสิน กล่าวว่า เรื่องการเสพสื่อ หากเป็นเรื่องแตกความสามัคคีใส่ร้าย ทำลายชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ประชาชน ให้เกิดปัญหา ขอให้คิดก่อนจริงหรือไม่ อย่าไปเชื่อง่ายๆ ต้องมีสติหาข้อมูล จากหน่วยงานเกี่ยวข้องได้ และขอให้ยึดมั่น ในห้วงเวลาที่ประเทศชาติเป็นอย่างนี้ นับจากวันนี้เป็นต้นไป อยากให้คนไทยกลับมาดูผืนธงชาติไทย จำให้ดีว่า สิ่งเหล่านี้จะต้องอยู่กับแผ่นดินไทยชั่วลูกชั่วหลาน เราจะต้องช่วยกันรักษาสีธงชาติให้ครบ แดง คือ ชาติเสียสละเลือดบรรพบุรุษ รักษาแผ่นดิน ขาว คือ ศาสนา ยึดถือยึดมั่นในความดี น้ำเงิน คือ พระมหากษัตริย์ เป็นองค์ที่ก่อบ้านสร้างเมือง ตั้งแต่โบราณเป็นจอมทัพที่นำคนไทยต่อสู้ จนมีแผ่นดินอยู่ทุกวันนี้
จากนั้น พล.ท.บุญสิน ให้สัมภาษณ์ว่า แม้ตนจะเกษียณฯ แต่ก็ยังเป็นคนไทย และอยู่ช่วยเหมือนเดิม สำหรับเสียงเรียกร้องให้ต่ออายุราชการนั้น เป็นเรื่องกระแสสังคมมากกว่า แต่ตนปฏิบัติหน้าที่ตามอายุราชการ วันที่ 30 ก.ย. ก็จบหน้าที่แล้ว และขอขอบคุณประชาชนที่ให้กำลังใจ และในช่วงเปลี่ยนผ่านนี้ ตนมั่นใจ แม่ทัพภาคที่ 2 คนใหม่ ผู้บัญชาการทหารบก และผู้บังคับชาตามลำดับชั้น ในการคัดเลือกคนที่เหมาะสม กองทัพสร้างคนมาทดแทนได้อยู่แล้ว
เมื่อถามว่าหลังเกษียณฯ กังวลหรือไม่ว่า จะตกเป็นเป้าโจมตี คดีความที่จะตามมา จากกลุ่มที่เสียผลประโยชน์จากขบวนการแก๊งคอลเซนเตอร์ พล.ท.บุญสิน กล่าวว่า เราไม่ได้ทำอะไรผิด พร้อมต่อสู้ทุกรูปแบบอยู่แล้ว
เมื่อถามว่าฝ่ายกัมพูชา ล็อกเป้าท่านแม่ทัพ หมายถึงหมายหัวท่านไว้ พล.ท.บุญสิน กล่าวว่า ผมก็ล็อกเป้า หมายหัวเขาไว้เหมือนกัน
ขณะที่ นายภูมิธรรม เวชชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยในฐานะรักษาการนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความชัดเจนในการยุบศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์ชายแดนไทยกัมพูชา (ศบ.ทก.) ว่า ได้พูดคุยกับพล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะผอ. ศบ.ทก. ในช่วงสถานการณ์ที่คลี่คลาย ซึ่งเป็นการประเมินจากหน้างาน หากสถานการณ์ดีขึ้นก็จะมีการยุบศูนย์และปล่อยให้อำนาจให้กระทรวงต่างๆได้ทำหน้าที่ ก่อนหน้านี้มีการพูดคุยกันว่าจะยุบภายหลังจารการพูดคุย การประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) เสร็จสิ้น แต่เมื่อสองสามวันที่ผ่านมามีสถานการณ์เกิดขึ้น ในลักษณะบานปลาย จึงยังไม่จำเป็นที่จะเรียกประขุม สมช.ภายในสัปดาห์นี้ โดยจะมีการประชุมอีกครั้ง ในวันที่ 18 ส.ค. นี้ ซึ่งน่าจะมีความชัดเจน ซึ่งเรื่องนี้ไม่ได้มีปัญหา แต่เป็นการพูดคุยกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณาสถานการณ์ในแต่ละช่วง เพราะใน สมช. และ ศบ.ทก. มีเหล่าทัพในนี้ด้วยยืนยันว่า เรื่องนี้ไม่มีอะไรที่ไม่เข้าใจกัน ก็ได้มีการมอบอำนาจให้ส่วนหน้าเป็นหลัก อยากให้ทุกส่วนเข้าใจไม่อยากให้เกิดความบานปลาย
เมื่อถามว่า การรับมือกรณีที่ประชาชนที่ออกจากศูนย์อพยพ และบางส่วนต้องไปอยู่ที่สถานีบริการน้ำมันนั้น นายภูมิธรรม ระบุว่า เรื่องนี้อยู่ในความรับผิดชอบของรัฐบาลและทหาร รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ที่จะต้องชี้แจงทำความเข้าใจให้กับประชาชน ซึ่งเราห้ามความกังวลของใครไม่ได้ แต่ต้องพยายามทำความเข้าใจให้ทราบว่าสถานการณ์เป็นอย่างไร อีกทั้งมองว่าเรื่องนี้ทุกส่วนต้องช่วยกันแก้ปัญหาให้ได้มากที่สุด
เมื่อถามว่า ความคืบหน้าในการประชุมเพื่อพิจารณายุบ ศบ.ทก. จะเป็นสัปดาห์หน้าหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ขณะนี้ที่มีการพูดคุยกันมาสม่ำเสมอเห็นว่าควรจะประเมินสถานการณ์ให้ชัดเจนอีกครั้งหนึ่ง เพราะขณะนี้ยังมีประเด็นต่างๆอยู่ และยังไม่มีการปรับการบริหารทางยุทธวิธี จึงไม่สามารถที่จะยุติหน่วยงานได้ในทันที
นายภูมิธรรม กล่าวว่า การตั้งที่ปรึกษาของ ศบ.ทก. โดยยืนยันว่า การตั้งเลขาคณะรัฐมนตรี เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ไม่มีอะไรเลย เพราะเป็นการตั้งที่ปรึกษาของรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ไม่ใช่การตั้งที่ปรึกษา ศบ.ทก. ซึ่งตนอยากให้ผู้สื่อข่าวกลับไปถาม พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม ว่าตนไม่ได้เอาชื่อใครออก และตนก็เห็นชอบให้มีการแต่งตั้ง ตั้งแต่สมัยตนเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมแล้ว และย้ำว่าการตั้งที่ปรึกษาดังกล่าวไม่ได้เกิดปัญหาอะไรกับรัฐบาล