วันที่ 14 ส.ค. 68 นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญ นัดฟังคำตัดสินคดีคลิปเสียงนายกรัฐมนตรีสนทนากับสมเด็จ ฮุนเซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา วันที่ 29 ส.ค. รัฐบาลและพรรคเพื่อไทยมีการเตรียมความพร้อมอย่างไรว่า เราเชื่อมั่นในความตั้งใจจริงของนายกฯ เราคิดว่า เรื่องนี้หากดูในเนื้อหาทั้งหมดไม่ได้มีเจตนาที่จะนำไปสู่สิ่งนั้น ซึ่งคิดว่าเราอาศัยความตั้งใจจริงของนายกฯ แสดงให้ศาลรัฐธรรมนูญ พิจารณาว่า เราตั้งใจจริงอย่างไร และที่ผ่านมาการที่บอกว่า จะมีปัญหาและทำลายความมั่นคงก็ยังไม่เห็นมีอะไรเกิดขึ้นอย่างที่หลายคนกังวลใจ เพราะหากฟังในคลิปเสียงจริงๆ กัมพูชามีการต่อรองให้เปิดด่าน หลังเขาเปิด 5 ชั่วโมง และยืนยันว่าเราทำไม่ได้
นายภูมิธรรม กล่าวว่า นายกฯ ได้มีการพูดคุยกับผู้นำเหล่าทัพตลอดเวลาว่า ได้มีการพูดคุยอะไรกับฮุนเซนบ้าง เพราะฉะนั้นความจริงใจและความตั้งใจเป็นเรื่องที่สำคัญ และหากพิจารณาในสิ่งที่เราทำมาทั้งหมด เราไม่ได้ทำอะไรเพื่อประเทศกัมพูชาเลย เรายังถือว่ากัมพูชาเป็นประเทศที่รุกรานเรา และเรายังสนับสนุนให้มีการรักษาเอกราชอธิปไตยของประเทศ รวมถึงชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน เพราะฉะนั้นนี่คือการแสดงออกที่ชัดเจน
ส่วนสาเหตุที่เกิดความไม่เข้าใจบ้าง เป็นเรื่องธรรมดาที่คนเรามองเห็นต่างกัน ซึ่งเรามีหน้าที่ในการชี้แจงความเข้าใจหลายเรื่องที่ช้าก็เป็นเรื่องของกระบวนการที่ช้าจริง ซึ่งเมื่อมีการวิพากษ์วิจารณ์มาเราก็จะรับฟังและแก้ปัญหา และหลายเรื่อง สิ่งที่เราทำเราต้องการครองความเข้าใจของเวทีโลก เพราะฉะนั้นสิ่งที่เราจะพูดออกมาแต่ละครั้งต้องยึดมั่นข้อเท็จจริงเป็นหลัก เพราะทุกคำพูดและท่าทีของรัฐบาล ก็จะนำไปประกอบในกฎหมายระหว่างประเทศ
เมื่อถามว่า มีแผนสำรองอย่างไรในเรื่องนี้หากเกิดอุบัติเหตุทางการเมืองกับนายกฯ หรือลาออกก่อนในวันที่ 29 ส.ค. นายภูมิธรรม กล่าวว่า วันนี้เราแสดงความจริงใจ ตั้งใจจริงของนายกฯ ให้ทุกส่วนเข้าใจ ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นก็มีกระบวนการตามระบอบประชาธิปไตยอยู่แล้ว ก็คงไม่ต้องเตรียมอะไร
เมื่อถามว่า สภาพจิตใจของรัฐบาลและเพื่อไทยมีความระส่ำ หรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ตนรู้ว่าวันนี้ทุกคนมีความเข้มแข็งรู้ว่าวันนี้อะไรเกิดขึ้น แต่สิ่งที่เกิดขึ้นบางเรื่องเป็นเรื่องที่เราไม่อาจควบคุมหรือกำหนดได้ เรามีหน้าที่อย่างเดียวคือ ทำความจริงให้ประจักษ์ แสดงความจริงใจ และความตั้งใจในการแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนเป็นสำคัญ
เมื่อถามว่า การที่นายกฯ ขอเบิกพยานบุคคล 5 คน แต่ศาลให้ไต่สวนพยานบุคคลเพียงหนึ่งคนเป็นผลบวกหรือผลลบ กับนายกรัฐมนตรี นายภูมิธรรม กล่าวว่า ไม่เป็นไร อยู่ในดุลพินิจของศาล ความมั่นคงท่านมุ่งเป้าไปที่เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ก็มีเหตุมีผล
เมื่อถามย้ำว่า ยังคงเชื่อมั่นว่านายกฯ จะยังไม่ลาออกก่อนวันที่ 29 ส.ค. ใช่หรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า มันไม่เคยมีการคุยเรื่องนี้