ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านแนวชายแดน อ.บ้านกรวด  จ.บุรีรัมย์ ที่จรวด BM-21  และกระสุนปืนใหญ่ตกกว่า 20 ลูก  ต้องใช้ชีวิตด้วยความหวาดระแวงและเสี่ยงอันตรายหวั่นเกิดปะทะซ้ำหลังทหารเหยียบกับระเบิดขาขาดเพิ่มอีก 2 นาย  เก็บเสื้อผ้าเอกสารใส่กล่องเตรียมพร้อมอพยพทุกเมื่อ 

 

วันที่ 13 ส.ค. 68 ผู้สื่อข่าวรายงานถึงบรรยากาศหมู่บ้านชายแดนแห่งหนึ่ง ในตำบลจันทบเพชร  อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ ว่า เป็นหมู่บ้านที่ห่างจากแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ไม่ถึง 5 กิโลเมตร  และเป็นหมู่บ้านที่จรวด BM-21 และกระสุนปืนใหญ่ของกัมพูชาตกกระจายตามจุดต่างๆ ในหมู่บ้านมากกว่า 20 ลูก   ทำให้ชาวบ้านที่เพิ่งกลับจากศูนย์อพยพเข้ามาใช้ชีวิต และประกอบอาชีพในหมู่บ้านได้เพียงไม่กี่วัน   ต้องใช้ชีวิตและทำมาหากินด้วยความหวาดระแวงและเสี่ยงอันตราย  เพราะไม่รู้ว่ายังมี BM-21 หรือกระสุนปืนใหญ่ของฝั่งเขมรที่ยิงข้ามมา ยังไม่ทำงานหรือตกค้างตรงไหนอีกหรือไม่  

ทั้งกังวลว่าจะเกิดการปะทะซ้ำอีกรอบหลังจากทหารไทยที่ลาดตระเวนเหยียบทุ่นระเบิดที่ฝั่งกัมพูชาแอบฝังไว้ขาขาดติดต่อกันเพิ่มอีก 2 นาย   ทำให้สถานการณ์ยังคงตึงเครียด ชาวบ้านหลายคนมีการเก็บเสื้อผ้าเอกสารสำคัญ และของใช้ส่วนตัวใส่กล่องไว้   บางคนก็ยังไม่เอาลงจากรถด้วยซ้ำเพื่อเป็นการเตรียมพร้อมที่จะอพยพออกจากพื้นที่ทุกเมื่อหากมีการปะทะกันขึ้นจริง   ขณะที่พ่อแม่ผู้ปกครองหลายครอบครัวก็ยังไม่ให้ลูกหลานไปโรงเรียนเพราะไม่มั่นใจสถานการณ์ชายแดนเกรงจะมีการปะทะซ้ำก็เป็นห่วงลูกหลานจะได้รับอันตราย 

โดยน.ส.วิภาวรรณ  ชาวบ้านคนหนึ่ง บอกว่า จากเหตุการณ์สู้รบเมื่อวันที่ 24 -28 ก.ค.ที่ผ่านมา  ต้องพากันอพยพไปอยู่ที่ศูนย์พักพิงนานกว่า 2 สัปดาห์ และเพิ่งจะกลับเข้าบ้านเพื่อทำมาหากินได้ไม่กี่วัน   แม้จะรู้ว่าสถานการณ์ยังไม่ปกติแต่ก็ยอมเสี่ยง  เพราะต้องกลับมากกรีดยางหารายได้เลี้ยงครอบครัว และยิ่งมาเกิดเหตุทหารเหยียบกับระเบิดขาขาดอีก ก็ยิ่งรู้สึกไม่สบายใจกลัวจะเกิดการปะทะซ้ำอีก  จึงได้เก็บเสื้อผ้าของใช้จำเป็นใส่กล่องเอาไว้  บางส่วนเช่น ผ้าห่ม  หมอน และเอกสารสำคัญ ก็ยังไม่ได้เอาลงจากรถตั้งแต่การอพยพครั้งก่อน เพื่อเป็นการเตรียมพร้อมหากมีเหตุปะทะหรือทางการประกาศให้อพยพก็พร้อมไปทันที 

ซึ่งไม่ต่างจาก นายวิโรจน์   บอกว่า  ยังรู้สึกระแวงไม่มั่นใจในสถานการณ์ กลัวจะมีการสู้รบกันอีก  ซึ่งหมู่บ้านก็ถือว่าอยู่ในระยะวิถีอาวุธหนัก  จึงยังไม่ให้ลูกไปโรงเรียน  แม่วันนี้จะเปิดเรียนเป็นวันแรก หลังหยุดมานานกว่า 2 สัปดาห์  และก็จะให้หยุดเรียนจนกว่าจะมั่นใจในสถานการณ์   เพราะหากมีการปะทะกันจะต้องอพยพออกจากพื้นที่เร่งด่วน   ก็จะได้ไม่ต้องห่วงหน้าพะวงหลัง