"สว.กมล" บี้ ‘รัฐบาล’ ตัดงบช่วยเหลือด้านการศึกษา ‘เขมร’ มั่นใจไม่ขัดสิทธิเด็ก-มนุษยธรรม ยก ‘ยุโรป-อเมริกา’ ดูแลเฉพาะคนที่เข้าเมืองถูก กฎหมาย
วันที่ 13 ส.ค. 2568 ที่รัฐสภา นายกมล รอดคล้าย สมาชิกวุฒิสภา ในฐานะประธาน กมธ.การศึกษา การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม วุฒิสภา แถลงจี้รัฐบาลพิจารณาปรับลดโครงการความช่วยเหลือด้านการศึกษาที่ไทยมอบให้กัมพูชา อ้างเหตุความรุนแรงชายแดนกระทบต่อความสัมพันธ์และงบประมาณ ซึ่งไทยแบกรับค่าใช้จ่ายดูแลเด็กต่างด้าวกว่า 108,000 คน ปีละราว 837 ล้านบาท สูงกว่าเด็กไทย ทั้งที่หลายประเทศพัฒนาแล้วดูแลเฉพาะผู้เข้าเมืองถูกกฎหมาย ทั้งนี้เด็กกัมพูชาคือกลุ่มใหญ่ที่ได้รับประโยชน์ แต่สถานการณ์ปัจจุบันบั่นทอนความเป็น “กัลยาณมิตร” ไทยควรชะลอ หรือตัดความช่วยเหลือสำหรับเด็กที่เข้าเมืองผิดกฎหมาย รวมถึงปรับลดความร่วมมือด้านการศึกษา สาธารณสุข และโครงสร้างพื้นฐานกับกัมพูชา พร้อมย้ำว่าแนวคิดนี้ไม่ขัดหลักสิทธิมนุษยชน เพราะยังดูแลตามอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็กสำหรับผู้เข้าเมืองถูกกฎหมาย
“เด็กกัมพูชากลับบ้านยังมีโอกาสเสียใจ ร้องไห้ แต่เด็กไทยที่ตายจากเหตุระเบิด ไม่มีโอกาสแม้ได้เจอพ่อแม่อีก จึงอยากฝากให้ตั้งอยู่บนหลักเหตุผลมากกว่าความคาดหวังในอุดมคติ”นายกมล กล่าว
ด้านนายวิวัฒน์ รุ้งแก้ว สว.ศรีสะเกษ ยกตัวอย่างโรงเรียนใกล้ด่านช่องสะงำ ที่มีนักเรียนจากครอบครัวกัมพูชาเดินทางเข้า-ออกประจำวัน ใช้ทรัพยากรภาษีไทยตกหัวละ 30,000 บาทต่อปี ทั้งค่าเล่าเรียน ค่าครู และโครงสร้างพื้นฐาน พร้อมติงกัมพูชา “ไม่สำนึกบุญคุณข้าวแดงแกงร้อน” ทั้งที่ไทยเคยช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมในยุคบ้านแตกปี 2510–2518
ขณะที่นายชาญชัย ไชยพิศ สว.บุรีรัมย์ กล่าวว่า ประเทศเพื่อนบ้านที่เคยได้รับการดูแลจากไทยมานานหลายสิบปี กลับไม่สำนึกบุญคุณ ย้ำให้รัฐบาลทบทวนความช่วยเหลือทั้งหมด
เมื่อถามว่ามั่นใจหรือไม่ว่าจะไม่ขัดหลักการสิทธิมนุษยชน นายกมล กล่าวว่า เราตรวจสอบหลักกฎหมายมาเรียบร้อยแล้ว ถ้าไปยุโรป อเมริกา เขาจะดูแลสิทธิเด็กเฉพาะเด็กที่เข้าเมืองถูกกฎหมาย เช่น พ่อแม่ไปเรียน ทำงาน ลูกหลานก็จะไปเรียนและใช้สิทธิได้แบบเดียวกับประเทศเหล่านั้น อย่าว่าแต่เรื่องการศึกษาเลย กระทรวงสาธารณสุขหมดเงินไปหลายบาทแล้วกับการช่วยเหลือเพื่อนบ้าน สิ่งที่เราอยากให้ชะลอหรือปรับลดคือส่วนที่ไม่อยู่ในอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก
เมื่อถามว่า จะไม่เป็นเครื่องมือให้กัมพูชากล่าวหาว่าประเทศไทยละเมิดมนุษยธรรมหรือไม่ นายกมลกล่าวว่า เราไม่ได้ทำ 100% เรายังรักษาสิ่งที่เป็นกฎเกณฑ์ เป็นสากล แต่คนที่ไม่เป็นมิตร ไม่น่าจะมาเรียกร้อง แน่นอนเขาอาจจะไปพูด แต่คนไทยต้องกล้าที่จะเสนอ กับเพื่อนกับกัลยาณมิตรเราพร้อมที่จะดูแลทุกอย่าง ถ้าความสัมพันธ์ดีขึ้น ถ้ากัมพูชาเปลี่ยนท่าที เราก็พร้อมที่จะเอาเรื่องนี้มาพิจารณากันใหม่