วันที่ 13 ส.ค.2568 ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาฯ โดยมีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาฯ เป็นประธานการประชุมเพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2569 วงเงิน 3.78 ล้านล้านบาท วาระสอง ซึ่งกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญ พิจารณาแล้วเสร็จ เป็นวันแรก
ต่อมานายศุภณัฐ มีนชัยนันท์ สส.กทม. พรรคประชาชน อภิปรายว่า งบก่อสร้างที่คณะอนุกรรมาธิการก่อสร้างขอมามีกว่า 320,000 ล้านบาท มีปัญหา 8ด้านคือ 1.ขอในสิ่งไม่ควรขอ เช่น บ้านพักผบ.ตร.และรองผบ.ตร. รวม 7 หลัง 91 ล้านบาท อ้างว่าเป็นศูนย์บัญชาการ แต่ออกแบบเป็นบ้านพัก มีห้องจัดเลี้ยง หรืองบสร้างพิพิธภัณฑ์ไม้มีค่า 3,800ล้านบาท พิพิธภัณฑ์ฝนหลวง เพชรบุรี 450ล้านบาท ทั้งที่มีพิพิธภัณฑ์อยู่แล้วทั้งประเทศ 1,500 แห่ง แต่ขอสร้างไม่เลิก
2.ขอสร้างอาคารขนาดใหญ่เกินความจำเป็น เช่น ตึกกระทรวงคมนาคม 3,832ล้านบาท เหมาะกับคน 3,000 คน แต่อยู่จริงแค่ 1,000 คน ผลาญงบกว่า 2,000 ล้านบาท 3.ราคาต่อหน่วยแพงเกินจริง เช่น โรงพยาบาลราชทัณฑ์ ถูกลดงบ 47% จาก 260 ล้านบาท เหลือ137 ล้านบาท เพราะค่าตกแต่งภายในแพงมาก เช่น งาน Built in ราคาเมตรละ 1แสนบาท แพงกว่าราคาตลาด 5-10 เท่า ประตูบานละ 1 แสนบาท เคาเตอร์เวชระเบียน 2 ล้านบาท ตู้ใส่รองเท้าคนไข้ 7 แสนบาท ตู้ใส่ผ้าอบ 2ล้านบาท
4.ไม่บูรณาการการใช้สอยอาคารร่วมกัน กลายเป็น 1กรม 1สำนัก 1ตึก อยู่จังหวัดเดียวกัน ก็สร้างแยกกัน 5.ชอบสร้าง ไม่ชอบเช่า เพราะอยากมีเอี่ยวการจัดซื้อจัดจ้าง 6.อยากเป็น Operator สร้างแข่งกับเอกชน เช่น กรมส่งเสริมวัฒนธรรม ขอสร้างตึก อาคารสำนักงานและจัดนิทรรศการ 873ล้านบาท แทนที่จะไปขอเช่าตึกจากเอกชนได้ราคาถูกกว่า 7.ใช้ที่ดินเปลือง 8.จัดสรรงบผิดฝา ผิดตัว เช่น กระทรวงกลาโหมไปแข่งสร้างถนน ทำน้ำประปา เจาะบ่อบาดาล ลอกคลอง ผลิตยา สร้างโรงพยาบาลกับหน่วยงานอื่ร ตั้งงบไร้ประสิทธิภาพทั้งสิ้น
ด้านนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชน อภิปรายว่า การจัดสรรงบฯ 69ไม่ตรงจุดไม่ตอบโจทย์รับมือกับวิกฤติเศรษฐกิจ และสงคราม ไม่โทษกมธ. แต่โทษรัฐบาลที่หูหนวก ไม่ฟังเสียงสภา ตาบอดไม่พิจารณางบประมาณที่มีความจำเป็นกับประชาชนและภาวะประเทศ เพราะรัฐบาลขาดเข็มทิศ สิ่งที่เศรษฐกิจต้องการคือ เม็ดเงินลงทุน สร้างการเติบโตประเทศ ไม่ใช่กระจุกตัวเฉพาะผู้รับสัมปทานบางกลุ่ม ถ้ารัฐบาลเตรียมร่างพ.ร.บ.งบฯ69 ดีเพียงพอ นักลงทุนจะเห็นเป้าหมาย สิ่งที่อยากเห็นในงบลงทุนคือ การปลูกป่าเศรษฐกิจ การต่อยอดอุตสาหกรรมแห่งอนาคต ปลูกโซลาร์บนหลังคาประชาชน โดยให้รัฐบาลร่วมลงทุน ช่วยประชาชนลดค่าไฟ แต่ร่างพ.ร.บ.งบฯ69 คิดไม่รอบคอบ คิดไม่ลึก จึงขอปรับลดกรอบวงเงิน
ต่อมาเวลา 12.30 น. นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง ชี้แจงว่า ข้อห่วงใยเรื่องการจัดเก็บรายได้ในงบปี 69 อาจไม่เข้าเป้านั้น กระทรวงการคลังเชื่อมั่นว่า มีศักยภาพเพียงพอจัดเก็บรายได้อย่างเหมาะสม ไม่มีผลกระทบต่อการใช้งบประมาณ ยืนยันการจัดเก็บรายได้ลุล่วง งบรายจ่าย 3.78ล้านล้านบาท มีความเหมาะสม หากปรับลดจะเป็นผลร้ายต่อระบบเศรษฐกิจ กระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ
ส่วนกระสุนต่างๆมีเพียงพอ ทั้งเงินคงคลัง เงินทดรองราชการ ตามกลไกที่มีอยู่ถือว่าเพียงพอแก้ปัญหาและขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้เติบโต และยืนยันว่าการจัดทำงบ69 มีความถูกต้องตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 144 ไม่ได้ปรับลด หรือโยกงบประมาณใช้ผิดกฎหมาย ส่วนการกู้เงิน ถ้าดำเนินการอย่างมีประสิทธิภาพจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจระยะยาว
ทั้งนี้หลังจากอภิปราย มาตรา 4นานเกือบ 4 ชั่วโมง ที่ประชุมลงมติเห็นชอบมาตราดังกล่าวด้วยคะแนน 256ต่อ 138 งดออกเสียง 73 ไม่ลงคะแนน1