กสทช. เสริมแกร่งหนุนเครือข่ายภาคประชาชนทั่วประเทศ เดินหน้าสู่ทศวรรษใหม่ในยุคดิจิทัล คุ้มครองผู้บริโภคให้เกิดความยั่งยืน

สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) โดยสำนักรับเรื่องร้องเรียนและคุ้มครองผู้บริโภคในกิจการโทรคมนาคม จัดงานอบรมใหญ่ “การเสริมสร้างความเข้มแข็งให้ความรู้สำหรับผู้นำเครือข่ายภาคประชาชน และผู้บริโภคในกิจการโทรคมนาคมในยุคดิจิทัล” โดยมี ศ.คลินิก นพ.สรณ บุญใบชัยพฤกษ์ ประธาน กสทช. เป็นประธานในพิธีเปิด เพื่อมุ่งสร้างและพัฒนาผู้นำเครือข่ายประชาชน 157 คน จาก 77 จังหวัด ให้เป็นกำลังสำคัญในการ วางแผนการทำงานร่วมกัน เพื่อให้เกิดความยั่งยืนของการคุ้มครองผู้บริโภคในกิจการโทรคมนาคมภาคประชาชน พร้อมสร้างความร่วมมือระหว่างทุกภาคส่วน พัฒนากลไกการทำงานแบบบูรณาการ เสริมสร้างขีดความสามารถของประชาชน-ผู้บริโภค จุดประกายในการสร้างความตระหนักรู้ในชุมชน

ศ.คลินิก นพ.สรณ บุญใบชัยพฤกษ์ ประธาน กสทช. กล่าวว่า ในยุคที่เทคโนโลยีเติบโตอย่างรวดเร็ว ผู้บริโภคจำเป็นต้องปรับตัวให้เท่าทัน โดยเฉพาะการใช้งานโทรศัพท์มือถือที่เชื่อมต่อกับโลกออนไลน์ การจัดอบรมครั้งนี้จึงมีเป้าหมายเพื่อสร้างความตระหนักรู้และเสริมศักยภาพให้ผู้นำเครือข่าย ซึ่งจะทำหน้าที่เป็นสื่อกลางในการถ่ายทอดความรู้ความเข้าใจให้กับประชาชนในพื้นที่ของตนเอง และเป็นด่านหน้าในการต่อสู้กับภัยคุกคามออนไลน์รูปแบบต่าง ๆ เช่น แก๊งคอลเซ็นเตอร์, SMS หลอกลวง, และการละเมิดสิทธิผู้บริโภคในกิจการโทรคมนาคม

"ปัญหาเหล่านี้เป็นเรื่องเร่งด่วนที่ต้องได้รับการแก้ไขอย่างยั่งยืน และความสำเร็จจะเกิดขึ้นได้ด้วยความร่วมมือของเครือข่ายที่เข้มแข็ง โดยผู้นำเครือข่ายแต่ละจังหวัดจะทำหน้าที่เป็นผู้สร้างความตระหนักรู้ รับเรื่องร้องเรียน และรวบรวมข้อมูลเพื่อนำเสนอเชิงนโยบายแก่ กสทช. เพื่อปรับปรุงระบบการคุ้มครองผู้บริโภคให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น" ศ.คลินิก นพ.สรณ กล่าว

ดร. ตรี บุญเจือ ผู้อำนวยการสำนักรับเรื่องร้องเรียนและคุ้มครองผู้บริโภคในกิจการโทรคมนาคม กล่าวว่า กสทช. ได้ทำงานร่วมกับเครือข่ายภาคประชาชนมานานกว่า 10 ปี โดยเน้นย้ำถึง "กระบวนการการมีส่วนร่วม" ที่ให้คนในชุมชนมีส่วนร่วมในการออกแบบการทำงานด้วยตนเอง การอบรมครั้งนี้จึงเป็นการทบทวนและวางแผนการทำงานร่วมกันเพื่อให้เกิดความยั่งยืน โดยในปี 2568 จะมุ่งเน้นการเสริมสร้าง "เกราะป้องกัน" มิจฉาชีพและ AI ที่ถูกใช้เป็นช่องทางในการหลอกลวงประชาชน ซึ่งที่ผ่านมาได้ทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ (ศูนย์ AOC สายด่วน 1441) เพื่อช่วยเหลือประชาชนอย่างทันท่วงที

"หลักการสำคัญของการเป็นเครือข่ายคือการขยายผลและทำงานร่วมกันอย่างมีแผนและเป้าหมาย เราจะสร้างพลังของเครือข่ายผู้นำระดับประเทศ ภาค และจังหวัด ให้มีการจัดกิจกรรมขยายผลต่อไปในชุมชน นอกจากนี้ยังมีสื่อดิจิทัล เช่น Podcast และเพจ "Telecommunity (ชุมชนคนใช้โทรคมนาคม)" เพื่อให้ความรู้และรับเรื่องร้องเรียน" ดร. ตรี กล่าว

ดร. ธัญญธร หฤทัยถาวร ประธานเครือข่ายภาคประชานด้านการคุ้มครองสิทธิผู้บริโภคฯ กล่าวว่า ตลอด 10 ปีที่ผ่านมา เครือข่ายอาสาสมัครภาคประชาชน 77 จังหวัด ได้ทำงานอย่างเป็นรูปธรรมในการสร้างความเข้มแข็งและสร้างภูมิคุ้มกันให้ประชาชนไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ จากนี้ไปการทำงานของเครือข่ายจะต้องเดินหน้าและพัฒนาต่อไป ให้สอดคล้องกับการทำงานของ กสทช. เพื่อสร้างความเข้มแข็งอย่างยั่งยืน “โดยก้าวเดินต่อไปของเครือข่ายประชาชน คือการบูรณาการกับภาคีเครือข่ายและหน่วยงานภาครัฐในพื้นที่ , ตั้งศูนย์เครือข่ายกสทช ภาคประชาชน ,การทำงานขับเคลื่อนการจัดทำแผนและโครงการ” ดร. ธัญญธร กล่าว

การอบรมครั้งนี้ประกอบด้วยกิจกรรมที่น่าสนใจมากมาย เช่น

- การถอดบทเรียน การดำเนินงานของผู้นำเครือข่ายฯ ทั้ง 77 จังหวัด เพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์และหาแนวทางที่เหมาะสม

- การอบรมเชิงปฏิบัติการ เพื่อเสริมสร้างความรู้ด้านสิทธิผู้บริโภคและเท่าทันสถานการณ์ภัยคุกคามในปัจจุบัน

- การบรรยายให้ความรู้ เกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติเมื่อถูกมิจฉาชีพหลอกลวงออนไลน์ และสิทธิของผู้บริโภคที่ควรได้รับ

- การนำเสนอแผนการดำเนินงาน ของเครือข่ายฯ ในปี 2568 และการกำหนดข้อปฏิบัติของการเป็นเครือข่าย

- การจัดทำสื่อดิจิทัล และกิจกรรมส่งเสริมความรู้ เพื่อให้ผู้นำเครือข่ายฯ สามารถนำไปจัดกิจกรรมในพื้นที่ของตนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในกลุ่มเป้าหมายที่เปราะบาง เช่น เด็กและผู้สูงอายุ

นอกจากนี้ กสทช. ยังมีแผนขยายผลโครงการสู่ภูมิภาคต่าง ๆ ทั่วประเทศด้วยการจัดอบรมในจังหวัดหลัก เพื่อเข้าถึงผู้นำเครือข่ายในแต่ละพื้นที่อย่างครอบคลุมตั้งแต่เดือนสิงหาคมไปจนถึงเดือนพฤศจิกายน 2568 โดยมุ่งหวังว่าการเสริมสร้างความเข้มแข็งให้ผู้นำเครือข่ายภาคประชาชน จะช่วยพัฒนาศักยภาพคนในชุมชนให้แข็งแกร่ง และสามารถปกป้องพิทักษ์สิทธิของตนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืนในยุคดิจิทัล