วันที่ 11 ส.ค.68  รศ.ดร.ปณิธาน วัฒนายากร ผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงและการต่างประเทศ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Panitan Wattanayagorn ระบุว่า...

ทหารไทยโดนกับระเบิดอีก 3 นาย แต่กัมพูชายังกล่าวหาไทยหลายเรื่อง รวมทั้งจะสถาปนาพื้นที่พิพาทต่อไป เราจะต้องทำอย่างไร

1. วันที่ 9 ส.ค. 68 กำลังพลของกองร้อยทหารราบที่ 111 ที่ทำการลาดตระเวนบริเวณรอยต่อโดนเอาว์-กฤษณา จ.ศรีสะเกษ ได้เหยียบทุ่นระเบิดสังหารบุคคลที่กัมพูชาเข้ามาวางใหม่ ทำให้บาดเจ็บ 3 นาย ซึ่งเป็นการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงกัมพูชา-ไทย ที่ลงนามกันไว้เมื่อวันที่ 7 ส.ค. นี้ที่ประเทศมาเลเซีย

วันที่ 10 ส.ค.68 กัมพูชากล่าวหาไทยต่อนานาชาติว่าโจมตีพลเรือน และประกาศว่าจะเดินหน้าสถาปนาพื้นที่พิพาทให้อยู่ในความควบคุมของตน

2. ข้อตกลงหยุดยิงที่อยู่ในมือของแต่ละฝ่ายนั้น มีทั้งหมด 15 ข้อ (คือในข้อที่ 8 นั้น มี 3 ข้อย่อย และยังมีข้อเสนอของไทยอีก 2 ข้อคือ การกู้ทุ่นระเบิดและการปราบปรามแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ ที่กัมพูชายังไม่ยอมรับ แต่รับจะไปคุยกันต่อภายใน 2 สัปดาห์ในที่ประชุม RBC และภายใน 1 เดือนที่ GBC) เป็นเครื่องมือสำคัญที่ไทยและมาเลเซียจะต้องหาทางนำมาบังคับใช้กับกัมพูชาอย่างรวดเร็วและเป็นระบบ

3. การบังคับใช้ข้อตกลงดังกล่าวให้รวดเร็วนั้น จะต้องมีคณะทำงานเฉพาะกิจของแต่ละฝ่ายที่ผลักดันให้เป็นไปตามข้อตกลงโดยให้กลไกของ RBC และ GBC ทำงานทันทีนับตั้งแต่วันที่ 7 ที่ผ่านมาที่มีการลงนามกัน รวมทั้งการร่าง TOR ต่างๆ และข้อตกลงอื่นๆ ในทางปฏิบัติ แทนที่จะรอให้มีการประชุมต่าง ๆ อย่างเป็นทางการภายในเวลาอีก 2 สัปดาห์หรือ 1 เดือน

หากมีเหตุการณ์ เช่น การเหยียบกับระเบิดเช่นที่เกิดขึ้นอีก คณะทำงานก็จะได้ดำเนินการตามข้อตกลงทันที เช่น ข้อที่ 8 ที่ว่าจะมีการสื่อสารระหว่างกันอย่างต่อเนื่องในเรื่องที่อาจจะเป็นเหตุให้เกิดการใช้กำลังหรือความรุนแรงอีก หรือข้อที่ 9 เรื่องข่าวสารหรือข้อมูลที่เป็นเท็จ ซึ่งควรมีการประสานงานกันเพื่อควบคุมข้อมูลข่าวสารที่เป็นเท็จให้ดีอย่างรวดเร็ว ทั้งนี้ เพื่อลดการกล่าวหาหรือโต้ตอบกัน ซึ่งจะทำให้สถานการณ์ตึงเครียดขึ้นอีก

อีกทั้งควรผลักดันให้มีความร่วมมือแก้ปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติและแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ตามแนวชายแดนตามข้อเสนอของไทยอย่างจริงจัง ตามข้อตกลงเดิมที่มีอยู่แล้วไปก่อน แทนที่จะต้องรอการประชุมในโอกาสต่อไป

แต่ที่สำคัญที่สุด ก็คือการเร่งรัดจัดตั้งคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว (Interim Observer Team - IOT) ตามข้อตกลงข้อที่ 12 โดยเร็วตาม TOR ให้ได้ในสัปดาห์หน้า แต่สมาชิกของ IOT จะต้องมีความรู้ความเข้าใจในเรื่องนี้ จะต้องเป็นกลาง และไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด ทั้งนี้ เพื่อที่จะได้ลงพื้นที่ที่อาจจะมีการละเมิดข้อตกลง อย่างเช่นการเข้ามาวางทุ่นระเบิดใหม่อีก ที่เกิดขึ้นหลังจากที่ทหารไทยได้เก็บกู้ไปเรียบร้อยแล้ว

นอกจากนี้ ควรจะเร่งรัดให้มีการควบคุมกำลังพลทั้งสองฝ่าย ตามข้อตกลงข้อที่ 2 ข้อที่ 3 และข้อที่ 4 โดยเฉพาะกัมพูชา ที่จะต้องควบคุมกำลังพลที่ไม่ใช่ทหารประจำการจำนวนมาก เช่น ทหารพราน ทหารบ้าน หรือทหารเขมรแดงเก่า ให้ลดลงและอยู่ในกติกาให้มากขึ้น

4. แต่สันติภาพที่ยั่งยืนระหว่างไทยกับกัมพูชานั้น จะอยู่ที่การดำเนินการอย่างเป็นระบบ ต่อเนื่อง และมีประสิทธิภาพของทั้งสองฝ่าย ทั้งตามข้อตกลงหยุดยิงที่ลงนามกันในวันที่ 7 ที่ผ่านมา ทั้งตามพันธกรณีต่างๆ ที่ผูกพันกัน ทั้งระดับนานาชาติ ระดับภูมิภาค ระดับทวิภาคี และระดับท้องถิ่น ในตลอดหลายปีที่ผ่านมา

หมุดหมาย (Milestone) ที่สำคัญที่สุดคือ การจัดทำหลักเขตแดนที่ยังไม่แล้วเสร็จ ให้ลุล่วงไปด้วยดี เหมือนกับที่ได้จัดทำสำเร็จกันไปแล้วประมาณ 2 ใน 3 ของหลักเขตแดนทั้งหมด ซึ่งก็หมายถึงการยึดโยงกลไกทั้งหมดเข้าไว้ด้วยกัน ทั้ง TBC RBC GBC และ JBC ซึ่งสุดท้ายแล้ว จะต้องมาตัดสินใจกันว่าจะต้องยกเลิก ปรับเปลี่ยน หรือเพิ่มเติมกลไกหรือข้อตกลงอะไรกันบ้างที่จะสามารถเปลี่ยน "สันติภาพบนแผ่นกระดาษ" ให้เป็น "สันติสุขที่ยั่งยืน" ไปได้ตลอดอีก 75 ปีของความสัมพันธ์ที่เป็นทางการระหว่างสองเพื่อนบ้านนี้ในอนาคต