เพื่อไทย ปัดในพรรคไม่ได้คุยกระแสข่าว อิ๊งค์ ชิงลาออกก่อนศาลรธน.วินิจฉัย ดนุพร ย้ำปม "เขากระโดง" ไม่ใช่การกลั่นแกล้ง ชี้ควรจบตั้งแต่ปี 60 เผยมีกลุ่มการเมืองแทรกแซงรัฐ ชวนจับตาถกงบฯ 69 วันที่ 13-15 ส.ค.มั่นใจไร้ปัญหา พร้อมเดินหน้าแก้ปัญหาให้ประชาชน
       
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 10 ส.ค. 2568 ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายดนุพร ปุณณกันต์ สส.บัญชีรายชื่อและโฆษกพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์กรณีมีกระแสข่าวว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรมว.วัฒนธรรม จะลาออกก่อนศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยให้พ้นตำแหน่งนายกฯ ว่า ในพรรคเรายังไม่มีการพูดคุยกันถึงกระแสข่าวดังกล่าว ซึ่งเรื่องที่นายกฯ จะลาออกก่อนการตัดสินนั้นถือเป็นเรื่องใหญ่ ทั้งนี้ จากการที่ได้พูดคุยกับ นพ.พรหมมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกฯ ก็บอกว่าไม่มีการคุยกันในเรื่องนี้
         
เมื่อถามว่าพรรคเพื่อไทยได้ประเมินหรือไม่ว่าสถานการณ์จะออกมาในทิศทางใด นายดนุพร กล่าวว่า เราคุยกันทุกทางออกที่จะเกิดขึ้น ซึ่งถ้านายกฯ อยู่ต่อก็ทำงานไป แต่หากนายกฯ ถูกศาลตัดสินอย่างไร เราก็พร้อมน้อมรับคำตัดสินของศาล แต่อย่าลืมว่าพรรคเพื่อไทยยังเหลือแคนดิเดตนายกฯ อีกหนึ่งคนคือ นายชัยเกษม นิติสิริ เรายังสามารถนำนโยบายและงบประมาณที่สภาฯ ดำเนินการต่อได้
       
  นายดนุพร แถลงถึง กรณีการแก้ปัญหาและการเพิกถอนเอกสารสิทธิที่ดินเขากระโดงว่า ตลอดช่วงเวลากว่า 1 สัปดาห์ที่ผ่านมามีความพยายามสร้างกระแสให้เกิดความเข้าใจผิดว่า กรณีนี้เป็นการกลั่นแกล้งในทางการเมือง และเป็นการดำเนินการของรัฐบาลที่ไม่สนใจใยดีต่อชีวิตของพี่น้องประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ดังกล่าว
      
   เรื่องนี้ขอเรียนกับพี่น้องประชาชนทุกคนว่า การดำเนินการดังกล่าวเป็นภาระหน้าที่ของรัฐบาลเพื่อไทยที่ต้องดำเนินการเพื่อแก้ปัญหาที่หมักหมมมาอย่างน้อยกว่า 20 ปี เพื่อรักษานิติรัฐ นิติธรรม การบังคับใช้กฎหมาย เราไม่ต้องการให้ผู้มีอิทธิพลและเครือข่าย ใช้คำว่า ความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนเป็นข้ออ้างในหาผลประโยชน์โดยมิชอบ" นายดนุพร กล่าว
      
   โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวย้ำว่า ที่ดินเขากระโดง จำนวน 5,083 ไร่นั้น มีคำพิพากษาศาลฎีกา เมื่อปี 2560 ซึ่งถือเป็นที่สุดว่า พื้นที่ดังกล่าวเป็นที่ดินของหลวง โดยรัชกาลที่ 5 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชทานให้กับการรถไฟแห่งประเทศไทย ต่อมาในรัชสมัยของรัชกาลที่ 6 ได้มีการออกพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตการสร้างทางรถไฟ ซึ่งมีการกำหนดเขตการสร้างทางรถไฟจากนครราชสีมาถึงอุบลราชธานี รวมถึงพื้นที่บริเวณเขากระโดงในจังหวัดบุรีรัมย์ด้วย  ซึ่งศาลฎีกามีคำพิพากษาว่า ที่ดินในบริเวณเขากระโดงเป็นกรรมสิทธิของการรถไฟตั้งแต่ต้น และนี่ถือว่า ที่ดินผืนนี้คือสมบัติของชาติ ไม่ใช่ที่ดินของใครคนใดคนหนึ่ง
      
   นายดนุพร กล่าวอีกว่า  กรณีที่ดินหลวงเขากระโดง เมื่อศาลฎีกามีคำพิพากษาออกมาแล้ว แต่ในทางปฏิบัติการรถไฟยังไม่สามารถเข้าไปจัดการดูแลที่ดินซึ่งเป็นของตนเองได้ จึงได้มีการยื่นเรื่องต่อศาลปกครองกลางในปี 2564 จนกระทั่งศาลปกครองกลางมีคำสั่งในปี 2566 ให้อธิบดีกรมที่ดิน ปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา 61 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน โดยให้แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวน ว่าได้มีการออกหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินไปโดยคลาดเคลื่อนหรือไม่ชอบด้วยกฎหมาย ภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ศาลมีคำสั่ง แต่กระบวนการตรวจสอบกลับเต็มไปด้วยความน่าสงสัย และดูเหมือนเป็นความพยายามในการหาช่องทางให้การเพิกถอนโฉนดที่ดินซึ่งออกโดยมิชอบด้วยกฎหมายไม่สามารถเกิดขึ้นได้จริง
      
   หากที่ดินหลวง 5,083 ไร่ อยู่ดีๆ ก็หายไป เชื่อว่า ไม่มีคนไทยคนไหนรับได้ เชื่อว่า เมื่อเราคุยกันบนฐานของข้อมูล จะเห็นว่า การดำเนินการของรัฐบาลเพื่อไทยไม่ใช่การกลั่นแกล้งทางการเมือง แต่คือความพยายามในบังคับใช้กฎหมาย ตามที่ศาลฎีกามีคำพิพากษา
         
โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวต่อว่า กรณีที่มีการปั่นกระแสในโซเชียลมีเดียว่า รัฐบาลจะดำเนินการทุบทำลายสร้างปลูกสร้าง อาคารต่างๆ รวมทั้งบ้านเรือนของประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ดังกล่าว ขอยืนยันว่ารัฐบาลเพื่อไทย ไม่ได้มีแนวคิดเช่นนั้น และเชื่อว่า เวลานี้ทางรัฐบาล มหาดไทย กระทรวงคมนาคมและการรถไฟเอง กำลังออกแบบแนวทางแก้ไขปัญหาที่จะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
        
 สิ่งใดที่เอกชนดำเนินการไปแล้ว และสร้างประโยชน์ทางเศรษฐกิจ ทำให้คนในพื้นที่มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น เราไม่คิดที่จะไปทำลาย เพียงแต่เราต้องหาทางออกร่วมกันว่า จะจัดการอย่างไรให้เป็นไปตามกฎหมาย โดยที่พี่น้องชาวบุรีรัมย์ไม่เสียประโยชน์จากการดำเนินการของรัฐบาล
       
  นายดนุพร กล่าวถึงการพิจารณาร่าง พ.ร.บ. งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 ในวาระที่ 2-3  ที่จะประชุมสภาผู้แทนราษฎรในวันที่ 13-15 ส.ค นี้ว่า เรื่องนี้เป็นวาระสำคัญในการกำหนดทิศทางเศรษฐกิจของประเทศในปีถัดไป ซึ่งพรรคเพื่อไทยมุ่งมั่นในการจัดสรรงบประมาณเพื่อรองรับและแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นในโลกยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยความท้าทายใหญ่ ซึ่งในกระบวนการที่ผ่านมาได้มีการตั้งคณะกรรมาธิการจากตัวแทนของทุกพรรคการเมืองเข้ามาพิจารณาร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็นพรรคร่วมรัฐบาล หรือพรรคฝ่ายค้านเอง ก็ได้เข้ามาร่วมกันทำหน้าหน้าที่นี้
         
"ในประชุมเพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ 69 นี้ จะมี สส.หลายท่านที่ได้ขอแปรญัตติไว้ และจะมีการอภิปรายลงลึกในงบรายกระทรวงต่างๆ ทั้งนี้เชื่อว่าการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ จะผ่านไปได้ด้วยดี และรัฐบาลจะได้ขับเคลื่อนนโยบายต่าง เพื่อแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องประชาชน" นายดนุพร กล่าว