รัฐบาล เร่งเยียวยาเหตุการณ์ปะทะไทย-กัมพูชา ย้ำไม่มีใครตกหล่น 7 รมต.ลงพื้นที่ ชงครม.เยียวยาล็อต 2 ด้าน คลัง มอบ "สรรพากร" ออก 3 มาตรการภาษี ช่วยผู้ได้รับผลกระทบ ขยายยื่นภาษีทุกประเภท- ลดค่าซ่อมบ้าน ไม่เกิน 1 แสน ,รถ ไม่เกิน 3 หมื่นบ.-เว้นภาษีเงินช่วยเหลือเยียวยา

         เมื่อวันที่ 10 ส.ค.68 นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงการเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า รัฐบาล ยืนยันว่ามีความพร้อมดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 5 ส.ค.68 ในกรณีผู้เสียชีวิตที่เป็นประชาชนทั่วไปรายละ 8 ล้านบาท ข้าราชการทหาร-ตำรวจ รายละ 10 ล้านบาท นอกจากนี้ ผู้ที่ได้รับผลกระทบบาดเจ็บสาหัส บาดเจ็บเล็กน้อย ทุพพลภาพ จะได้รับการเยียวยา โดยไม่มีการตกหล่นจากมาตรการเยียวยาดังกล่าวอย่างแน่นอน
     
    นายจิรายุ กล่าวว่า นอกจากมาตรการตามมติ ครม. หน่วยงานราชการต้นสังกัด อาทิ กระทรวงกลาโหม จะดูแลครอบครัวญาติพี่น้องของข้าราชการทหารที่เสียชีวิต ให้ได้รับสวัสดิการ สิทธิการรับราชการเป็นกรณีพิเศษ เพื่อตอบแทนคุณความดีที่ได้เสียสละชีวิตรักษาอธิปไตยของประเทศ สำหรับการเยียวยาบ้านเรือนประชาชนที่ได้รับความเสียหาย การลงพื้นที่ของ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี, นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.ต่างประเทศ และ น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ จ.สุรินทร์ เพื่อไปรับฟังข้อมูล ข้อเสนอแนะจากประชาชนและผู้ปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ เพื่อนำมากำหนดแนวทางการเยียวยา ทั้งด้านความเสียหายทางการเกษตร ปศุสัตว์ และบ้านเรือนของประชาชน เพื่อรวบรวมกำหนดออกเป็นรายละเอียดในการเยียวยาครั้งที่ 2 ในส่วนทรัพย์สินที่เสียหาย เพื่อเสนอต่อคณะรัฐมนตรีต่อไป
       
  นอกจากนั้น รัฐบาลมอบหมาย 7 รัฐมนตรี ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยม ปชช. ในพื้นที่พักพิงชั่วคราวทั้งหมด 12 แห่ง 4 จังหวัด ได้แก่ สุรินทร์, ศรีสะเกษ บุรีรัมย์ และอุบลราชธานี เพื่อเร่งรัดมาตรการช่วยเหลือ โดยวันนี้นายพงศ์กวิน จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.แรงงาน ลงพื้นที่ จ.สุรินทร์, นายสรวงศ์ เทียนทอง รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา พร้อม นางมนพร เจริญศรี รมช.คมนาคม ลงพื้นที่ จ. ศรีสะเกษ, นายอรรถกร ศิริลัทธยากร รมว.เกษตรและสหกรณ์ นายเทวัญ ลิปตพัลลภ รมช.ศึกษาธิการ ลงพื้นที่ จ.บุรีรัมย์ และ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย ลงพื้นที่ จ.อุบลราชธานี
      
   นายจิรายุ กล่าวว่า สำหรับการเยียวยาร้านสะดวกซื้อ 7-11 ในปั๊ม ปตท. บ้านผือ อ.กันทรลักษณ์ จ.ศรีสะเกษ ที่ได้รับเสียหายจากผลกระทบการยิงระเบิด BM-21 จากฝั่งกัมพูชา ทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) แจ้งว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเหตุการณ์ปะทะตามชายแดน ดังนั้น บริษัทประกันฯ จะปฏิเสธการคุ้มครอง ไม่ได้ ต้องรับผิดชอบเยียวยาผู้เสียหายที่ได้ทำประกัน สำหรับประชาชนคนใด ที่ได้ทำประกันภัยไว้ ขอให้เร่งตรวจสอบสิทธิประโยชน์ของตนอีกครั้ง
       
  ด้าน นางสาวศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาล โดยกรมสรรพากร กระทรวงการคลัง ออก 3 มาตรการภาษี ช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคงบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา เพื่อบรรเทาผลกระทบที่ประชาชนได้รับความเดือดร้อน ทั้ง 7 จังหวัด (ตราด จันทบุรี สระแก้ว บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี) ให้กับประชาชนหรือผู้ประกอบการที่ต้องชำระภาษี ได้แก่ ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ภาษีเงินได้นิติบุคคล ภาษีหัก ณ ที่จ่ายภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีธุรกิจเฉพาะ และอากรแสตมป์
       
  โดยมี 3 มาตรการสำคัญ มีดังนี้ 1. ขยายเวลาการยื่นแบบแสดงรายการและชำระภาษีทุกประเภท ได้แก่ ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ภาษีเงินได้นิติบุคคล ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีธุรกิจเฉพาะ รวมถึงการขยายเวลาการขอเสียอากรแสตมป์เป็นตัวเงิน ที่มีกำหนดการดำเนินการระหว่างวันที่ 24 ก.ค. -29 ก.ย.2568 ออกไปเป็นวันที่ 30 ก.ย.2568 เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ผู้เสียภาษีในพื้นที่ 2. มาตรการลดหย่อนภาษีค่าซ่อมแซม แบ่งออกเป็นค่าซ่อมแซมบ้าน สามารถนำค่าใช้จ่ายจริงที่เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 4 ก.ค. -31 ธ.ค. 2568 มาหักลดหย่อนภาษีได้ตามจริง สูงสุดไม่เกิน 100,000 บาท ค่าซ่อมแซมรถ สามารถนำค่าใช้จ่ายจริงที่เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 4 ก.ค. -31 ธ.ค.2568 มาหักลดหย่อนภาษีได้ตามจริง สูงสุดไม่เกิน 30,000 บาท 3. ยกเว้นภาษีสำหรับเงินช่วยเหลือเยียวยา โดยกรมสรรพากรจะออกประกาศยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและภาษีเงินได้นิติบุคคล สำหรับเงินช่วยเหลือเยียวยาที่ผู้ได้รับผลกระทบได้รับ ดังนี้ เงินเยียวยาที่ได้รับจากรัฐบาล เงินหรือทรัพย์สินที่ได้รับจากการบริจาคหรือช่วยเหลือ ค่าสินไหมทดแทนส่วนที่ยังไม่ได้รับการยกเว้นภาษีตามกฎหมายในปัจจุบัน
  
     รัฐบาลพร้อมเคียงข้างประชาชน เดินหน้าบรรเทาผลกระทบจากสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา สั่งการทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งเยียวยาอย่างเต็มกำลังความสามารถ และพร้อมขับเคลื่อนมาตรการช่วยเหลือในทุกมิติ เพื่อให้ประชาชนในพื้นที่ชายแดนสามารถฟื้นตัว กลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติโดยเร็ว นางสาวศศิกานต์ กล่าว