วันที่ 10 สิงหาคม 2568 ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปยังบ้านโจรก ต.ด่าน อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ หลังจากเมื่อวันที่ 24 ก.ค.68 ที่ผ่านมา ถูกจรวด BM21 ของทหารกัมพูชายิงใส่ ทำให้มีผู้เสียชีวิต 2 ราย และบาดเจ็บ 2 ราย ประกอบด้วย นายบัณฑิต อายุ 34 ปี อยู่บ้านโจรก ต.ด่าน อ.กาบเชิง เสียชีวิตจากระเบิด ,ด.ช.ธิติวัฒน์ หรือ น้องน้ำโขง อายุ 8 ขวบ อยู่บ้านโจรกฯเสียชีวิตจากระเบิด,นายอภิสิทธิ์ อายุ 30 ปี บ้านโจรกฯบาดเจ็บสาหัสและด.ญ.ฐิติญา หรือน้องน้ำค้าง อายุ 9 ขวบ บาดเจ็บแผลฉีกขาดและถลอกตามร่างกาย ซึ่งผู้บาดเจ็บมีอาการดีขึ้นแล้ว
โดยผู้สื่อข่าว พบกับนายสุที อายุ 60 ปี ซึ่งเป็นตาของ ด.ช.วัย 8 ขวบที่เสียชีวิต กล่าวว่า วันเกิดเหตุตนเอาควายไปผูก รับปากหลานว่าจะพาไปดูการแข่งขันกีฬาที่โรงเรียน ตนนำควายไปได้ครึ่งทาง ก็ทราบว่าครูที่โรงเรียนบอกว่าให้ผู้ปกครองมารับเด็กกลับบ้าน ตอนเกิดเหตุก็ได้ยินเสียงระเบิดดังไกลๆแล้ว คิดว่าคงไม่มาลงพื้นที่เรา ระหว่างนั้นยายก็ไปรับหลานกลับบ้าน ก็ได้ยินเสียงระเบิดดัง เราก็ไม่คิดว่าจะเป็นระเบิด เหมือนเสียงดังที่บ้านเรา สักพักหลานมาบอกว่าให้กลับบ้านว่าบ้านถูกระเบิด พอผูกควายเสร็จตนวิ่งมาดูที่บ้านก็เห็นระเนระนาด จมกองเลือดกัน มีเสียชีวิต 2 คน เป็นหลานแท้ๆของตน 8 ขวบ กับหลานห่างๆกันอีกคนอายุ 34 ปี นอนจมกองเลือดอยู่หน้าบ้าน
ซึ่งน้องนายบัณฑิต อายุ 34 ปี ที่เสียชีวิตบ้านเขามีรถ เขามาบอกว่าตายายไม่มีรถ เขามีรถยนต์เขาให้อพยพเขาจะมารับ เตรียมของไว้ อุตส่าห์หวังดีมาบอกแต่เช้า แต่ก็เตรียมไว้ก่อนหน้านี้บ้างแล้ว หลังจากนั้นเขาก็มารับ ที่บ้านและก็เกิดเหตุสลด วันนั้นที่บ้านก็อยู่ 6 คนรวมกับน้องบัณฑิตฯ ตอนนี้ครอบครัวก็พักอยู่ที่บ้านเด็กและครอบครัว ผู้บาดเจ็บก็รักษาตัวอยู่ที่ รพ.สุรินทร์ ส่วนที่พักอาศัยยังไม่มี การเยียวยาจากรัฐบาลก็พอใจในระดับหนึ่ง ดีกว่าเราสูญเสียโดยไม่ได้อะไรเลย แต่ถามว่ามันคุ้มไหม ไม่มีคำว่าคุ้ม ให้เรามีแค่กำลังใจในการต่อสู้ต่อไปวันข้างหน้า ติดรู้สึกติดลงร้อยเปอร์เซ็นต์เกี่ยวกับกัมพูชา ฮุนเซน กับฮุน มาเนต เป็นคนบงการแน่นอน ขอให้ชาวโลกรุมประณามด้วยให้เขารับผิดชอบกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทั้งนี้ สำหรับศพของผู้เสียชีวิตถูกเก็บรักษาไว้ที่ห้องเย็นของโรงพยาบาล รอเวลาที่เหมาะสมเพื่อประกอบพิธีทางศาสนาต่อไป
อย่างไรก็ตาม แผนการอพยพต่างๆที่เกิดขึ้น จะเป็นบทเรียนสำคัญ ในการวางแผนการอพยพในครั้งต่อไป ให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ทบทวน ว่า หากเกิดสถานการณ์สู้รบขึ้นอีก คุณครูจะต้องให้เด็กนักเรียนหลบเข้าหลุมหลบภัยก่อน ไม่ใช่ประสานให้ผู้ปกครองมารับกลับบ้านก่อน เมื่อเสียงปืนสงบ จึงให้ผู้ปกครองพร้อมสัมภาระ รีบมารับเด็กนักเรียนออกจากพื้นที่ไปยังที่ปลอดภัย และไม่ต้องมารับกลับบ้านไปก่อน จนเกิดเหตุการณ์สลดดังกล่าว