เมื่อเวลา 10.15 น. วันที่ 9 ส.ค. 68 ที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตสุรินทร์ นาย​ภูมิธรรม​ เวชยชัย​ รองนายก​รัฐมนตรี​ และ​รัฐมนตรี​ว่าการ​กระทรวง​มหาดไทย​ รักษาการนายกรัฐมนตรี พร้อมคณะประชุมร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัด​ 4 จังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา​ เพื่อประเมินสถานการณ์​ในพื้นที่​ ก่อนให้ประชาชนเดินทางกลับเข้าบ้าน​เรือน โดยน.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ประชุมผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ จากที่ว่าการอำเภอเดชอุดม จ.อุบลราชธานี

 

นายภูมิธรรม​ กล่าวในที่ประชุมว่า การประชุมผู้ว่าทั้ง 4 จังหวัดชายแดน เพื่อทำความเข้าใจและตกลงกันให้ชัด​ จะดำเนินการต่อจากนี้ไปอย่างไร เนื่องจากภารกิจของเราตามแผนที่จะตกลงกันไว้ คือเป็นผู้พิทักษ์ส่วนหลัง มีหน้าที่ในการที่จะดูแลส่วนหลังให้ดีที่สุด ฉะนั้นการมาวันนี้หลังจาก พล.อ.ณัฐ​พล​ นาค​พาณิชย์​ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม รักษาราชการแทน​รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ตกลงหยุดยิง​ พร้อมกล่าวย้ำว่า​ ขณะนี้เราเชื่อมั่น​ โดยได้พิจารณากับฝ่ายกองทัพ ว่าน่าจะปลอดภัย ประชาชนสามารถกลับบ้านได้ ขอชื่นชม​ทุกคน พยายามตั้งใจเรียนเต็มที่ และผู้ว่าราชการจังหวัดถือเป็นแม่ทัพหลังในแต่ละจุด จะทำหน้าที่ได้อย่างเต็มที่และดีที่สุดเพื่อตอบสนองประชาชน 

 

ขณะที่นายมาริษ​ กล่าวกับผู้ว่าราชการจังหวัด​ ว่า​ ในส่วนของรัฐบาลมีหน้าที่ที่จะปกป้องอธิปไตยของประเทศ ปกป้องความปลอดภัยของประชาชนชาวไทย ในส่วนของการทำงานร่วมกันของทุกภาคส่วน ราชการ และรัฐบาล​ ประสานความร่วมมือระหว่างหน่วยงานตั้งแต่เริ่มเกิดข้อขัดแย้งระหว่างไทยและกัมพูชา​ ไม่ว่าจะเป็นกรอบของกระทรวงการต่างประเทศและทางกองทัพ มีความร่วมมือผลักดัน สอดคล้องกัน ทำให้ภาพของประเทศไทยในสายตาสากลดีมาก​ ไม่มีประเทศใดกล่าวตำหนิการใช้สิทธิในการตอบโต้เพื่อที่จะป้องกันตนเอง 

 

“โดยหลังจากเหตุปะทะยุติลง​ มีหลายองค์กรระหว่างประเทศ ให้ความสำคัญกับสิ่งที่รัฐบาลไทยได้พูด คือเรื่องการให้ความช่วยเหลือ ตนไม่อยากให้ใช้คำว่าแค่มนุษยธรรม  เพราะรัฐบาลต้องการที่จะช่วยเหลือประชาชนอยู่แล้ว ฉะนั้นในกลุ่มของต่างประเทศ ทุกประเทศชื่นชมการทำงานของทุกท่าน​ ซึ่งการที่ทุกภาพส่วนผนึกกำลังกัน และทำให้ภาพลักษณ์ของประเทศไทยนั้นดี​เป็นอย่างมาก​” นายมาริษ กล่าว

 

นายภูมิธรรม​ กล่าวว่า​ ไม่ว่าประชาชนจะกลับบ้านแล้ว แต่ปัญหาของประชาชนจะดำเนินยังอยู่ ไม่ใช่ว่าปิดศูนย์แล้วจะจบกัน เยียวยาต่างๆ จะต้องลงไปให้ถึงหมู่บ้านทุกหมู่บ้านทันทีโดยเร็ว ไม่มีการหยุด ต้องดำเนินการให้ครบถ้วนตามที่เป็นข้อสั่งการ และเป็นกฎหมายของประเทศที่ได้ระบุ 

 

ด้านปลัดกระทรวง​มหาดไทย​ ให้ข้อมูลว่า​ จังหวัดศรีสะเกษ​ เบิกจ่ายเป็นอันดับ 1​ เบิกจ่ายแล้ว 62 ล้านบาท​ ถือว่ามีประสิทธิภาพ ในส่วนพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานี​ มีการเบิกจ่ายเพิ่มขึ้นจาก​ 5.5 หมื่นบาท​ เป็น​  1.5 ล้าน​บาทแล้ว​ แต่ก็ยังถือว่าอย่างน้อย​ จึงขอให้เร่งดำเนินการเบิกจ่ายให้ประชาชน​

 

นาย​ภูมิธรรม​ กล่าวว่า ขอบคุณทุกส่วนที่ช่วยกันทำงานอย่างเต็มที่ วันนี้ตนฟังแล้วจังหวัดสุรินทร์ก็ดำเนินการได้ค่อนข้างดี จึงอยากให้เป็นแบบในการทำงานและสามารถคิดริเริ่มสร้างสรรค์ในการช่วยเหลือประชาชน นำประชาชนเป็นศูนย์กลางทำให้ดีที่สุด และอย่างที่บอกเงินที่ให้มาถ้าไปใช้จ่ายให้กับประชาชน ไม่ต้องเหนียม ทำได้อย่างเต็มที่ เพียงแต่ว่าอย่าให้เกิดการรั่วไหลหรือเป็นปัญหา จึงขอให้ทุกคนเข้มงวดดูแลในเรื่องนี้ 

 

นาย​ภูมิธรรม​ ยังระบุอีกว่า ข้อสั่งการในการดำเนินการครั้งนี้​ คือ​ ต้องอำนวยความสะดวกประชาชนกลับบ้าน ส่วนกลางได้ประสานงานขั้นต้นให้กระทรวงคมนาคมโดยการขนส่งทางบก และอีกส่วนหนึ่งคิดว่าเป็นปัญหากับหน่วยงานในพื้นที่ เราสามารถช่วยเหลือได้ในสิ่งต่างๆ ที่เรามีก็ให้เร่งดำเนินการ​ และต้องคำนึงถึงความปลอดภัย ของประชาชนด้วย​ ขอย้ำว่าเงินที่เหลือหากจำเป็นต้องใช้ก็ใช้​ เพราะฉะนั้น ผู้ว่านายอำเภอ จะต้องประสานระดมทรัพยากรมาจัดสรรให้ได้ตามกรอบระเบียบในการช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน​ 

 

พร้อมกับประสานการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) การประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) งดเว้นการเก็บค่าไฟฟ้าและน้ำ 2 เดือน คือเดือนกรกฎาคมและสิงหาคมทในพื้นที่ประสบภัย ทั้งบ้านเรือนประชาชนและศูนย์อพยพ

 

นอกจากนี้ยังอยากให้ประสานงานกับอาชีวศึกษา​ เพื่อเข้ามาสร้าง​ และซ่อมแซมบ้านเรือนประชาชนด้วย​ พร้อมกับสำรวจอาชีพและการสาธารณสุข​ ที่แม้จะไม่มากนัก​ แต่อย่าทอดทิ้ง​ เนื่องจากมีผู้สูงอายุ​ยังคงเสียขวัญ​ 

 

ขณะเดียวกันการพูดกับต่างประเทศ ต้องมีหลักฐาน​ ไม่ใช่พูดเลื่อนลอย เหมือนกับต่างประเทศ การเก็บภาพบันทึกจะเป็นประโยชน์ในการต่อสู้ระยะยาว​ จึงจะต้องรักษาอธิปไตยของเราอย่างเต็มที่ เพราะฉะนั้นจึงอยากให้มีการวางแผนบูรณาการความร่วมมือจากทุกภาคส่วน​ พร้อมฝากกระทรวงการต่างประเทศ อย่าให้เกิดสงคราม​ เพราะหากเกิดสงครามแล้วก็เหนื่อย​ ไม่มีใครอยากให้เกิด​ 

 

ส่วนเรื่องค่าตอบแทน ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้านหรือ ชรบ.​ จะนำเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันที่ 19 ส.ค. โดยคนที่ทำงาน 6 ชั่วโมงขึ้นไปไม่ถึง 12 ชั่วโมงจ่ายค่าเบี้ยเลี้ยงตอบแทนวันละ 120 บาท แต่หากเกินจาก 12​ ชั่วโมงขึ้นไป เราจ่ายให้เป็นวันละ 240 บาท ซึ่งงบประมาณในการจัดการคำนวณและประมาณ 117 ล้านบาท เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจให้กับ ชรบ. ยอดรวมเท่าที่สำรวจมาข้างต้นใน 7 จังหวัดชุด ชรบ.มีอยู่ประมาณ 32,740 นาย โดยแหล่งงบประมาณจะจัดหาให้ส่วนกลางเป็นผู้รับผิดชอบ

 

นาย​ภูมิธรรม​ ยังกล่าวถึง เรื่องอาวุธยุทโธปกรณ์  โดรน​ ที่จะเพิ่มให้มีประสิทธิภาพสูงมากยิ่งขึ้น​ เราก็พร้อมที่จะอนุมัติให้ เพราะขณะนี้ตนคิดว่าประชาชนทั้งประเทศก็มีความเข้าใจ​ ไม่ได้คิดว่าจะมาขัดขวางอะไร​ เพราะฉะนั้นกองทัพเสริมความเข้มแข็งให้ตามความสมควร​ ที่จะทำให้การปกป้องอธิปไตยได้ดีขึ้น รักษาชีวิตของทหารและประชาชนของเรา ครม. ก็คงไม่มีปัญหาก็ยินดี​   

 

นายภูมิธรรม ยังกล่าวว่า ทุกคำสั่งการหลังจากนี้ไปขอให้คำนึงถึงอธิปไตยของประเทศเป็นหลักสำคัญ เพราะไม่มีใครยอมให้มาบุกรุกล้ำอธิปไตยของเราได้ และชีวิตทรัพย์สินของประชาชนถือเป็นหัวใจ ตนเป็นผู้ที่ต้องการความสำเร็จ เพื่อที่จะแก้ไขปัญหาให้กับประชาชน ความสำเร็จที่มุ่งมั่นในครั้งนี้ เราทำได้เท่ากับเรารักษาชีวิตทรัพย์สินของประชาชนได้อย่างเต็มที่ จึงขอให้ตรงนี้เป็นหัวใจในการแก้ไขปัญหาของประเทศ

 

นาย​ภูมิธรรม​ กล่าว​ว่า ขอสดุดีวีรชนของประเทศ​ และให้กำลังใจผู้ปฏิบัติงานอย่างเต็มที่ และขอขอบคุณกระทรวงมหาดไทยและผู้ประสบปฏิบัติงานในทุกกรมกอง​ ที่เกี่ยวข้อง มีส่วนช่วยในการพิทักษ์รักษาแผ่นดินชีวิตของประชาชนและอำนวยความสะดวกในการแก้ไขปัญหาต่างๆ​