ขอนแก่นจัดประกวดผ้าลายพระราชทาน “สิริราชพัสตราภรณ์” ต่อยอดภูมิปัญญา ดันผ้าไทยสู่เวทีระดับประเทศ โดยปีนี้มีผู้สนใจส่งผลงานเข้าประกวดรวมทั้งสิ้น 500 ชิ้น
เมื่อเวลา 14.30 น.วันที่ 8 ส.ค. 2568 ที่ห้องประชุมแก่นเมือง ชั้น 1 ศาลากลางจังหวัดขอนแก่น นายไกรสร กองฉลาด ผวจ.ขอนแก่น เป็นประธานเปิดกิจกรรมการประกวดผ้าลายพระราชทาน “ผ้าลายสิริราชพัสตราภรณ์” และงานหัตถกรรมระดับจังหวัด ประจำปี 2568 โดยมีนายประจวบ รักแพทย์ รอง ผวจ.ขอนแก่น หัวหน้าส่วนราชการ และภาคีเครือข่ายด้านผ้าไทย เข้าร่วมงานอย่างพร้อมเพรียง เพื่อร่วมสืบสานพระดำริสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ในการส่งเสริมและต่อยอดภูมิปัญญาท้องถิ่นด้านสิ่งทอไทย ซึ่งการจัดประกวดครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาคุณภาพงานผ้าและงานหัตถกรรมไทย โดยผสานองค์ความรู้ ภูมิปัญญาดั้งเดิมเข้ากับเทคโนโลยีและนวัตกรรมสมัยใหม่ เพื่อยกระดับศักยภาพของผู้ผลิต ผู้ประกอบการ OTOP สร้างอาชีพ สร้างรายได้ และเตรียมความพร้อมในการแข่งขันทั้งในระดับประเทศและตลาดสากล
นายไกรสร กองฉลาด ผวจ.ขอนแก่น กล่าวว่าปี 2568 มีผู้สนใจส่งผลงานเข้าประกวดรวมทั้งสิ้น 500 ชิ้น แบ่งเป็นผ้าลายพระราชทาน “สิริราชพัสตราภรณ์” จำนวน 495 ผืน และงานหัตถกรรมประเภทต่าง ๆ จำนวน 5 ชิ้น โดยผลงานทั้งหมดจะผ่านการคัดเลือกโดยคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ เพื่อส่งต่อผลงานที่ผ่านเกณฑ์คุณภาพเข้าร่วมประกวดในระดับภูมิภาค (ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ) ณ จังหวัดอุดรธานี ระหว่างวันที่ 13–14 กันยายน 2568 ก่อนเข้าสู่การตัดสินในระดับประเทศ ซึ่งจะได้รับเกียรติสูงสุดจาก สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา เสด็จเป็นองค์ประธานในการตัดสินและพระราชทานรางวัลแก่ผู้ชนะเลิศ
"ภายในงานยังมีกิจกรรมไฮไลต์ ได้แก่ การเดินแบบผ้าไทย “ผ้าลายสิริราชพัสตราภรณ์” จากผู้แทนทั้ง 26 อำเภอ และภาคีเครือข่ายแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดขอนแก่น เพื่อแสดงให้เห็นถึงความงดงามและคุณค่าอันลึกซึ้งของผ้าไทยในบริบทของวิถีชีวิตประจำวัน พร้อมจัดแสดงบูธจำหน่ายสินค้า OTOP ประเภทผ้าและงานหัตถกรรม เพื่อกระตุ้นการใช้ การสวมใส่ และการบริโภคผลิตภัณฑ์ผ้าไทย ภายใต้แนวคิด “ผ้าไทยใส่ให้สนุก” ซึ่งเป็นการขับเคลื่อนตามพระดำริในการพลิกฟื้นและยกระดับอุตสาหกรรมผ้าไทยให้สามารถแข่งขันได้ในทุกมิติ"
ผวจ.ขอนแก่น กล่าวต่อว่ากิจกรรมในครั้งนี้นับเป็นอีกหนึ่งกลไกสำคัญในการสร้างโอกาสทางการตลาดให้กับผู้ประกอบการในท้องถิ่น ตลอดจนเป็นเวทีสร้างสรรค์ที่ช่วยรักษาและพัฒนาภูมิปัญญาผ้าไทยให้ดำรงอยู่คู่สังคมไทยอย่างยั่งยืน พร้อมก้าวสู่ระดับสากลต่อไปในอนาคตอีกด้วย