กรมหม่อนไหม ปลื้ม! คนแห่ร่วมงาน “ตรานกยูงพระราชทานฯ” ครั้งที่ 20 ยอดขายทะลุ 27 ล้าน สืบสานตำนานไหมไทย สร้างเศรษฐกิจไทยยั่งยืน    

นายนวนิตย์ พลเคน อธิบดีกรมหม่อนไหม เปิดเผยว่า กรมหม่อนไหม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้จัดงาน "ตรานกยูงพระราชทาน สืบสานตำนานไหมไทย" ครั้งที่ 20 ระหว่างวันที่ 30 กรกฎาคม – 3 สิงหาคม 2568 ที่ผ่านมา ณ ฮอลล์ 6–7 ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี ภายใต้แนวคิด "มหัศจรรย์หม่อนไหม สร้างเศรษฐกิจไทยยั่งยืน" เพื่อรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2568 ที่ทรงสืบสานและให้ความสำคัญกับผ้าไหมไทย พร้อมผลักดันมาตรฐานไหมไทย สร้างชื่อเสียงและสร้างรายได้ให้แก่เกษตรกร ขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ  

นายนวนิตย์ พลเคน

กิจกรรมที่น่าสนใจภายในงาน ได้แก่ นิทรรศการเฉลิมพระเกียรติฯ นิทรรศการตรานกยูงพระราชทาน 4 ชนิด คือ ตรานกยูงพระราชทานสีทอง (Royal Thai Silk) สีเงิน (Classic Thai Silk) สีน้ำเงิน (Thai Silk) และสีเขียว (Thai Silk Blend) เพื่อเผยแพร่ประชาสัมพันธ์เครื่องหมายตรานกยูงพระราชทานให้เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก นอกจากนี้ยังมีการจัดแสดงผลงานการประกวดเส้นไหม ผ้าไหมตรานกยูงพระราชทาน และผลิตภัณฑ์หม่อนไหมที่ได้รับรางวัลพระราชทาน ประจำปี 2568 เพื่อยกย่องเชิดชูบุคคล เยาวชน กลุ่มชุมชน และหมู่บ้านที่สามารถรักษาวิถีการผลิตไหมไทยและสร้างผลงานคุณภาพ

นิทรรศการ "70 พรรษา 70 ภูมิปัญญาผ้าไหมไทย" ได้รับการคัดสรรผ้าไหมทอมือจากทั้ง 4 ภูมิภาคของประเทศไทย รวม 70 ผืน เพื่อถ่ายทอดความงดงามและภูมิปัญญาของท้องถิ่นผ่านเส้นไหมและลวดลายอันวิจิตร นิทรรศการทายาทหม่อนไหมในโรงเรียนและชุมชน ได้แก่ โครงการบ้านเล็กในป่าใหญ่ตามพระราชดำริผานาง-ผาเกิ้ง จังหวัดเลย โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน พีระยานุเคราะห์ฯ 2 จังหวัดสุรินทร์ ร่วมกับ โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนบ้านรุน อำเภอบัวเชด จังหวัดสุรินทร์ โรงเรียนโมโกรวิทยาคม อำเภออุ้มผาง จังหวัดตาก โรงเรียนชุมชนโพนพิทยาคม ตำบลโพน อำเภอคำม่วง จังหวัดกาฬสินธุ์ และโรงเรียนบ้านดอนขุนห้วย  ตำบลดอนขุนห้วย  อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี

นอกจากนี้ ยังสนุกกับการเข้าร่วมกิจกรรมเวิร์กช็อป อาทิ การประดิษฐ์ผ้าไหมไทยเป็น “กิ๊บติดผม” การทำพวงกุญแจหัวใจจากรังไหม การสาธิตแปรรูปอาหาร “สังขยาใบหม่อน” พร้อมได้รู้เกี่ยวกับผ้าไหมผ่านกิจกรรม "ตรวจผ้าไหมแท้–ไหมเทียม" เพื่อเรียนรู้เทคนิคการตรวจสอบผ้าไหมเบื้องต้น เคล็ดลับวิธีการดูแลผ้าไหมไทยอย่างถูกวิธี และเทคนิคการเลือกซื้อผ้าไหม

ตลอดระยะเวลา 5 วันของการจัดงาน มีประชาชนและนักท่องเที่ยวให้ความสนใจเข้าร่วมงานกว่า 8,000 คน สะท้อนถึงกระแสความนิยมของผ้าไหมไทยที่ยังคงแข็งแกร่งในทุกยุคสมัย โดยสามารถสร้างยอดจำหน่ายสินค้าได้มากกว่า 27 ล้านบาท เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากและเพิ่มโอกาสให้กลุ่มผู้ประกอบการทอผ้าชุมชนทั่วประเทศ

“ความสำเร็จของการจัดงานในปีนี้ ไม่เพียงแต่ตอกย้ำบทบาทของไหมไทยในฐานะมรดกทางวัฒนธรรมที่ทรงคุณค่า แต่ยังช่วยเปิดโอกาสทางเศรษฐกิจให้แก่ชุมชนผู้ผลิตผ้าไหมในระดับประเทศ และสร้างมูลค่าเพิ่มผ่านงานดีไซน์และช่องทางการตลาดยุคใหม่” อธิบดีกรมหม่อนไหม กล่าว