วันที่ 8 ส.ค.68 นันทิวัฒน์ สามารถ อดีตเลขาฯ รมว.ต่างประเทศ/อดีตรอง ผอ.สำนักข่าวกรองแห่งชาติ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Nantiwat Samart ระบุว่า...

ได้อะไรกลับมา​ ปาหี่​ !

จบประชุม​GBC ไทยได้อะไรติดมือกลับมา

ยืนยันจะหยุดยิงเคร่งครัด​ ไม่ให้เสริมเพิ่มเติมกำลัง​ ประการสำคัญ กำลังฝ่ายใดอยู่ตรงไหนให้อยู่ตรงนั้น​ ซึ่งเท่ากับพื้นที่ที่ฝ่ายไทยยึดคืนได้และวางกำลังไว้สิบจุด​ แม้จะไม่ได้คืนทั้งหมดแต่นับว่าดีมาก​ แต่กองกำลังไทยได้สถาปนาอำนาจไทย​ อาทิการ

ชักธงชาติไทย​ การตัดเส้นทางถนนเข้าพื้นที่

ละเมิดหยุดยิงก็ยังมีการละเมิด​ แต่ที่ไม่สบายหู​ ผู้แทนไทยแก้ตัวแทนเขมรว่าเป็นการกระทำของ

หน่วยงานในพื้นที่ของเขมร​ เชื่อหรือ​ ถ้าหน่วยเหนือไม่สั่ง​ หน่วยระดับพื้นที่จะกล้าทำการนอกสั่งเรื่องนี้ควรให้เขมรชี้แจงหรือแก้ตัวเอง

หัวหน้าคณะไทยเสนอ​ 3​ ข้อสำคัญที่เขมรเงียบ

ไม่ตอบ​

1.​ให้จัดการปัญหาทุ่นระเบิด​ตลอดแนวชายแดน​

เขมรเงียบ​ ก็จะให้ตอบยังไง​ เขมรหน้าแหกหมด​ ว่า​ ละเมิดอนุสัญญออตตาวาที่ห้ามใช้ทุ่นระเบิดสังหาร

2.​ ร่วมมือกันจัดการอาชญากรรมไซเบอร์ จะให้ทำยังไงเงินทั้งนั้น​

3.​ การเก็บศพทหารที่เสียชีวิตในฝั่งเขมร​ เขมรเงียบและไม่ตอบสนอง​ จะตอบยังไง​ โฆษกกลาโหมเขมรรายงานเสียชีวิตเพียงสิบกว่าคน​ สงสัยคิดว่าเป็นศพทหารไทย​ แกนนำรัฐบาลไทยเป็นห่วง​ ไม่อยากให้เล่นข่าวว่า​ ทหารเขมรตายหลายพัน​ คงกลัวรัฐบาลเขมรเสียหน้ามั้ง

ข้อเท็จจริงนอกห้องประชุม​ เขมรมีการเสริมกำลังมากมายเข้าพื้นที่​ หากฝ่ายไทยอ่อนแอ​ สถานการณ์​จะกลับมาเหมือนเดิม​ กำลังเขมรจะตีเนียนมาใกล้ไทยและดันไทยออกจากจุดที่ยึดคืนกลับมาได้​ ฝ่ายไทยคงต้องฟ้องผู้สังเกตการณ์อาเซียนที่จะลงพื้นที่ให้รับทราบเรี่องนี้​ ฟ้องทุกครั้งเมื่อมีข้อมูล

หลังจากนี้​ มีใครเชื่อว่า​ ผู้นำเขมรจะไม่ใช้กำลังอีก​ ติดต่อซื้ออาวุธ​ เกณท์ทหารรุ่นใหม่​ ( แรงงานเขมรที่กลับไปจากไทย​?)​ เครื่องยิงจรวด​ PHL 03​และโดรนที่ซื้อมาจำนวนมากยังไม่ได้ใช้เลย​ ยังมีการโฆษณา​ ชวนเชื่อ​ ปลุกระดมคนเขมร​ สร้างเฟคนิวส์​ใส่ร้ายไทย ปั่นให้เกิดความเกลียดชัง​ เตรียมความพร้อมด้านจิตใจให้พร้อมสู้รบ​

ขอให้ผู้นำเขมรเข็ดไม่คิดสู้อีก