เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2562 เวลา 11.30 น.ที่บริเวณย่านตลาดเก่า เขตเทศบาลนครยะลา อ.เมือง จ.ยะลา นายอดิลัน อาลีอิสเฮาะ ผู้สมัคร สส.จากพรรคพลังประชารัฐ ยะลา เขต 1 หมายเลข 4 พร้อมทีมงานได้เดินทางไปแนะนำตัว ที่แรกที่โรงเรียนธรรมวิทยามูลนิธิ โดยได้ไปแนะนำตัวกับบุคลากร ครู อาจารย์ อุสตาซ ครูสอนศาสนาอิสลาม กว่า 300 คน ซึ่งหลังจากแนะนำตัวนายอดิลัน อาลีอิสเฮาะ ผู้สมัครจากพรรคพลังประชารัฐ หมายเลข 4 พร้อมทีมงาน และรถแห่ ได้เดินแนะนำตัวบริเวณย่านตลาดเก่า ตั้งแต่ถนนพาดรถไฟ จนถึงสี่แยกไฟแดง สิโรรส 1
นายอดิลัน อาลีอิสเฮาะ ผู้สมัครจากพรรคพลังประชารัฐ เขต 1 ยะลา หมายเลข 4 เปิดเผยว่า มีคำถามมากว่าทำไมตนเองตัดสินใจที่ลงสมัครเลือกตั้งในนามพรรคพลังประชารัฐหลายฝ่าย คนส่วนใหญ่คิดว่าเป็นพรรคที่อยู่กับอำนาจรัฐปัจจุบันในพื้นที่ ตนมองว่าแม้ในพื้นที่นี้ จะมีการบังคับใช้กฎหมาย ประชาชนจะพึงพอใจในการบังคับใช้กฎหมายพิเศษหรือไม่ แต่อย่างไรก็ตามกฎหมายยังต้องถูกบังคับใช้ในพื้นที่ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาในฐานะที่ตนเป็นนักกฎหมาย ทำหน้าที่เพียงเป็นทนายความต่อสู้คดีให้กับผู้ร้องขอความช่วยเหลือ ผู้ที่กล่าวอ้างว่าตนเองไม่ได้รับความเป็นธรรมให้ความช่วยเหลือมาโดยตลอด จะไม่ดีกว่าหรือที่ได้เข้าไปดูแลหรือไปดูการบังคับใช้กฏหมายให้เป็นธรรมที่สุดในสังคม ไม่ว่าจะเป็นการบังคับใช้กฎหมายในพื้นที่ การใช้กฎหมายพระราชบัญญัติกฎอัยการศึกหรือ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ที่มีการใช้มาตลอดระยะเวลา 14-15 ที่ผ่านมา
“ถ้าตนเองได้มีโอกาสเข้าทำงานร่วมกันในฐานะที่เป็นแกนนำรัฐบาล ในระหว่างที่บังคับใช้กฎหมายพื้นที่นี้อาจจะได้ให้ความเห็นได้ว่าอะไรที่ควรกระทำ อะไรไม่ควรกระทำในพื้นที่ ที่ประชาชนต้องการ อะไรที่ประชาชนมีความรู้สึกว่าไม่สบายใจ ในการใช้กฎหมายพิเศษนี้ นี่คือสิ่งที่คิดว่าเป็นประโยชน์ยิ่งกว่าการที่จะเป็นฝ่ายตั้งรับในการสู้คดีฝ่ายเดียว นี่คือเหตุผลประการที่หนึ่ง ส่วนประการที่สองที่ตนคิดว่าจะต้องปรับทัศนคติในการเลือกผู้นำ ผู้แทนต้องทำความเข้าใจกับพี่น้องประชาชนให้ได้ว่าผู้แทนคือคนที่เราเลือกเข้าไปทำหน้าที่แทน ไม่ได้เลือกเป็นเจ้านายเรา สามารถเข้าถึงได้ง่าย ไม่ยากที่จะขอความช่วยเหลือ ไม่ยากที่จะเข้าพบสามารถจูงมือมาพูดคุยรับทราบปัญหานำปัญหานำไปแก้ปัญหาให้ได้” นายอดิลัน กล่าว
นายอดิลัน อาลีอิสเฮาะ ผู้สมัครจากพรรคพลังประชารัฐ เขต 1 ยะลา หมายเลข 4 เปิดเผยว่า มีคำถามมากว่าทำไมตนเองตัดสินใจที่ลงสมัครเลือกตั้งในนามพรรคพลังประชารัฐหลายฝ่าย คนส่วนใหญ่คิดว่าเป็นพรรคที่อยู่กับอำนาจรัฐปัจจุบันในพื้นที่ ตนมองว่าแม้ในพื้นที่นี้ จะมีการบังคับใช้กฎหมาย ประชาชนจะพึงพอใจในการบังคับใช้กฎหมายพิเศษหรือไม่ แต่อย่างไรก็ตามกฎหมายยังต้องถูกบังคับใช้ในพื้นที่ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาในฐานะที่ตนเป็นนักกฎหมาย ทำหน้าที่เพียงเป็นทนายความต่อสู้คดีให้กับผู้ร้องขอความช่วยเหลือ ผู้ที่กล่าวอ้างว่าตนเองไม่ได้รับความเป็นธรรมให้ความช่วยเหลือมาโดยตลอด จะไม่ดีกว่าหรือที่ได้เข้าไปดูแลหรือไปดูการบังคับใช้กฏหมายให้เป็นธรรมที่สุดในสังคม ไม่ว่าจะเป็นการบังคับใช้กฎหมายในพื้นที่ การใช้กฎหมายพระราชบัญญัติกฎอัยการศึกหรือ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ที่มีการใช้มาตลอดระยะเวลา 14-15 ที่ผ่านมา
“ถ้าตนเองได้มีโอกาสเข้าทำงานร่วมกันในฐานะที่เป็นแกนนำรัฐบาล ในระหว่างที่บังคับใช้กฎหมายพื้นที่นี้อาจจะได้ให้ความเห็นได้ว่าอะไรที่ควรกระทำ อะไรไม่ควรกระทำในพื้นที่ ที่ประชาชนต้องการ อะไรที่ประชาชนมีความรู้สึกว่าไม่สบายใจ ในการใช้กฎหมายพิเศษนี้ นี่คือสิ่งที่คิดว่าเป็นประโยชน์ยิ่งกว่าการที่จะเป็นฝ่ายตั้งรับในการสู้คดีฝ่ายเดียว นี่คือเหตุผลประการที่หนึ่ง ส่วนประการที่สองที่ตนคิดว่าจะต้องปรับทัศนคติในการเลือกผู้นำ ผู้แทนต้องทำความเข้าใจกับพี่น้องประชาชนให้ได้ว่าผู้แทนคือคนที่เราเลือกเข้าไปทำหน้าที่แทน ไม่ได้เลือกเป็นเจ้านายเรา สามารถเข้าถึงได้ง่าย ไม่ยากที่จะขอความช่วยเหลือ ไม่ยากที่จะเข้าพบสามารถจูงมือมาพูดคุยรับทราบปัญหานำปัญหานำไปแก้ปัญหาให้ได้” นายอดิลัน กล่าว