"ริชาร์ด มาสเตอร์ส" ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) ของ “พรีเมียร์ลีก” ประเทศอังกฤษ ออกมาย้ำอย่างหนักแน่นว่า "พรีเมียร์ลีกยังไม่มีแผนที่จะปรับลดจำนวนทีมจาก 20 เหลือ 18 ทีม" แม้ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา จะมีเสียงเรียกร้องจากหลายฝ่ายมากขึ้นเรื่อย ๆ เกี่ยวกับความถี่ของโปรแกรมการแข่งขันที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อร่างกายและสุขภาพจิตของนักเตะ

ฤดูกาล 2025/26 ของพรีเมียร์ลีก มีกำหนดเปิดฉากในวันที่ 15 สิงหาคมนี้ ซึ่งนับเป็นเพียง 3 สัปดาห์ให้หลังจากที่ เชลซี เพิ่งคว้าแชมป์สโมสรโลก ด้วยการเอาชนะ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ในนัดชิงชนะเลิศ เหตุการณ์ที่ตอกย้ำให้เห็นถึงความต่อเนื่องและความถี่ของแมตช์การแข่งขันที่แทบไม่มีช่องว่างให้พักหายใจ

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เชลซี ซึ่งเป็นตัวแทนจากพรีเมียร์ลีกที่ต้องลงเล่นเกือบตลอดทั้งปี จะต้องเผชิญกับฤดูกาล 2024/25 ที่ยืดเยื้อเกือบ 11 เดือน เนื่องจากในช่วงซัมเมอร์ปีหน้าจะมีการแข่งขันฟุตบอลโลก ที่เพิ่มแรงกดดันให้กับทั้งผู้เล่นและผู้จัดการทีมในทุกระดับ

- เสียงเตือนจากนักเตะและ FIFPro สะท้อนความเสี่ยงสะสม

การเติบโตของวงการฟุตบอลโลกในช่วงทศวรรษหลัง ส่งผลให้ปฏิทินการแข่งขันระดับสโมสรและทีมชาติเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล โดยเฉพาะทัวร์นาเมนต์ระดับนานาชาติ เช่น ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก, ยูโร, ฟุตบอลโลก รวมถึงรายการอุ่นเครื่องและถ้วยในประเทศ ซึ่งทั้งหมดนี้กำลังสร้างภาระหนักเกินจำเป็นให้กับนักเตะ

กรณีของ “โรดรี้” มิดฟิลด์ตัวเก่งของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่ออกมาเปิดเผยว่า "นักเตะหลายคนเกือบรวมตัวกันประท้วงไม่ลงเล่นในช่วงซัมเมอร์ก่อน" ถือเป็นสัญญาณเตือนครั้งใหญ่ถึงแรงกดดันที่ถาโถมต่อผู้เล่นในระดับสูง

ฟิฟโปร (FIFPro) สหภาพนักฟุตบอลอาชีพนานาชาติ ได้ออกมาแสดงความกังวลเช่นกัน โดยระบุว่า นักเตะจำนวนไม่น้อยมีอาการบาดเจ็บเรื้อรัง ทั้งยังประสบปัญหาสุขภาพจิตจากตารางแข่งขันที่ไม่มีเวลาพัก และที่สำคัญ หลายคนยังไม่กล้าเปิดเผยปัญหา เพราะเกรงว่าจะสูญเสียตำแหน่งในทีม หรือถูกลดบทบาทในอาชีพ

- ลีกเอิงลดทีมแล้ว แต่พรีเมียร์ลีกยังยืนกราน

ในขณะที่ ลีกเอิง ประเทศฝรั่งเศส ได้ดำเนินการลดจำนวนทีมจาก 20 เหลือ 18 ทีมเป็นที่เรียบร้อยในฤดูกาล 2023/24 โดยให้เหตุผลว่า เพื่อเพิ่มคุณภาพของเกมการแข่งขัน และลดภาระนักเตะ การตัดสินใจครั้งนั้นได้รับเสียงชื่นชมจากทั้งแฟนบอลและสหภาพผู้เล่น

แต่สำหรับพรีเมียร์ลีก มาสเตอร์สกลับยืนกรานชัดเจนว่า ยังไม่มีแผนจะเดินตามรอยลีกฝรั่งเศส โดยเขาระบุว่า “ผมไม่คิดว่าเราควรถูกบีบบังคับให้ตัดสินใจแบบนั้น เราเห็นด้วยกับการเติบโตของเกมฟุตบอล และการแข่งขันที่น่าตื่นเต้นที่สโมสรของเราเข้าร่วม แต่ต้องไม่กระทบกับฟุตบอลภายในประเทศ”

แถลงการณ์ดังกล่าวจึงสะท้อนให้เห็นถึงจุดยืนที่แตกต่างออกไปของพรีเมียร์ลีก ซึ่งยังให้ความสำคัญกับโครงสร้างลีกแบบดั้งเดิมที่มี 20 ทีมมาโดยตลอด ทั้งยังคำนึงถึงความมั่นคงด้านเศรษฐกิจของสโมสรขนาดเล็กถึงกลาง ที่อาจได้รับผลกระทบหากมีการลดจำนวนทีมในระบบ

- เกมเศรษฐกิจ vs สุขภาพนักเตะ: ความท้าทายที่ยังไร้ทางออก

การรักษาความสมดุลระหว่างการพัฒนาเชิงพาณิชย์ของลีก กับสุขภาพและคุณภาพชีวิตของนักเตะ ยังคงเป็นประเด็นถกเถียงในวงกว้าง ไม่เพียงในอังกฤษ แต่ในทุกลีกระดับโลก ขณะที่พรีเมียร์ลีกมีรายได้สูงสุดในบรรดาลีกทั้งหมด การรักษาความถี่ของการแข่งขันในระดับนี้ อาจเป็นปัจจัยหลักที่ช่วยให้ลีกยังคงเรตติ้งสูงและสร้างรายได้มหาศาลจากค่าลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสด

อย่างไรก็ตาม หากไร้การปรับตัว ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบของการหมุนเวียนผู้เล่น การเพิ่มช่วงพัก หรือการทบทวนจำนวนการแข่งขันในทัวร์นาเมนต์ต่าง ๆ ก็ตาม ความเสี่ยงต่ออาการบาดเจ็บเรื้อรัง และภาวะหมดไฟของนักเตะ อาจกลายเป็นวิกฤตที่ส่งผลย้อนกลับต่อคุณภาพของเกมในระยะยาว

-เกมที่ไม่มีวันหยุดกำลังท้าทายความยั่งยืนของฟุตบอล

คำยืนยันจาก ริชาร์ด มาสเตอร์ส ว่า พรีเมียร์ลีกจะยังคงมี 20 ทีมต่อไป อาจฟังดูหนักแน่นในทางโครงสร้างและเศรษฐกิจ แต่ในแง่ของมนุษย์และสุขภาพนักเตะ เสียงสะท้อนของฟิฟโปรและนักเตะอย่างโรดรี้กำลังบอกเราว่า "ถึงเวลาแล้วหรือยัง ที่ฟุตบอลควรหยุดพักบ้าง?"

เพราะท้ายที่สุด เกมฟุตบอลจะยังคงน่าติดตามและยิ่งใหญ่ได้ ก็ต่อเมื่อผู้เล่นยังสามารถลงสนามอย่างเต็มศักยภาพ ไม่ใช่ในสภาพที่ใกล้หมดแรงทุกสัปดาห์