วันที่ 7 ส.ค.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตามที่เกิดสถานการณ์สู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 สรุปผลการปฏิบัติที่สำคัญของสถานการณ์ถึงวันที่ 7 สิงหาคม 2568 เวลา 14.00 น.
ภาพรวมสถานการณ์ ปัจจุบันยังคงมีการตรึงกำลังที่ฐานปฏิบัติการในพื้นที่เขตอธิปไตยของไทย อีกทั้งยังมีการตรวจพบอากาศยานไร้คนขับ (โดรน) ในหลายพื้นที่
การทำพื้นที่ให้ปลอดภัย ชุดทำลายล้างวัตถุระเบิด หรือชุด EOD ยังคงดำเนินการตรวจสอบพื้นที่เฝ้าระวัง เพื่อทำลายวัตถุระเบิดที่ยังตกค้าง และตรวจสอบวัตถุต้องสงสัยอย่างต่อเนื่อง
การดูแลผู้อพยพ ส่วนราชการทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชน ยังคงให้การสนับสนุนอำนวยความสะดวกในพื้นที่รวบรวมพลเรือนทั้ง 356 จุด ใน 4 จังหวัด ปัจจุบันมียอดรวม 62,420 คน และมีการจัดแสดงดนตรีบำรุงขวัญให้แก่ผู้อพยพในพื้นที่รวบรวมพลเรือน
จิตอาสาพระราชทาน จากกรณี อส.ทพ.ประวิทย์ งามแสน สังกัดกรมทหารพรานที่ 23 ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการถูกสะเก็ดระเบิดฝังในศีรษะ ขณะปฏิบัติหน้าที่ตามแนวชายแดนไทย - กัมพูชา ปัจจุบันยังคงรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล ทางกองทัพบกจะดำเนินการสร้างบ้านให้ใหม่ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี โดยกรมการทหารช่าง กรมทหารพรานที่ 23 ส่วนราชการ องค์การปกครองส่วนท้องถิ่นจังหวัดอำนาจเจริญ จิตอาสา 904 กำลังพลจิตอาสาพระราชทาน และประชาชนจิตอาสา ร่วมบูรณาการกำลังในการดำเนินการสร้างบ้าน และหากแพทย์ประเมินว่า ไม่สามารถกลับเข้ารับราชการต่อได้ ต้องปลดพิการ กำลังพลจะได้รับเงินช่วยเหลือ และเงินเยียวยา ตามสิทธิที่จะได้รับ และในส่วนเงินที่รับการสนับสนุนจากด้านอื่นๆ นั้น ทางครอบครัวกำลังพลจะได้รับโดยตรง
สำหรับศูนย์พักพิงชั่วคราว ในพื้นที่ 4 จังหวัด จิตอาสา 904 และจิตอาสาพระราชทาน ประชาชนจิตอาสา ได้ดูแล อำนวยความสะดวกอย่างต่อเนื่อง
ขอบคุณพี่น้องประชาชนที่ได้แจ้งข้อมูลการตรวจพบอากาศยานไร้คนขับ “โดรน” ในพื้นที่ ตามหมายเลข 1374 เพื่อให้หน่วยความมั่นคงดำเนินการต่อไป
ขอบคุณหน่วยงานภาครัฐทุกภาคส่วน ที่ได้ร่วมกันปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลังความสามารถในการให้ความช่วยเหลือ ดูแล และอำนวยความสะดวกแก่พี่น้องประชาชนที่อพยพมายังพื้นที่รวบรวมพลเรือน
ความร่วมมือของทุกหน่วยงาน ทั้งฝ่ายความมั่นคง หน่วยแพทย์ หน่วยกู้ภัย ตลอดจนหน่วยงานด้านการปกครองและการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม มีส่วนสำคัญในการสร้างความปลอดภัยและความมั่นใจให้กับผู้ที่ได้รับผลกระทบ ตลอดจนแสดงถึงความเข้มแข็งและความมีน้ำใจของสังคมไทยในการดูแลเพื่อนมนุษย์ในยามวิกฤต