กำลังเป็นสถานการณ์ที่หลายฝ่ายเฝ้าจับตากับเหตุการณ์ “อากาศยานไร้คนขับ” หรือที่เรียกกันติดปากว่า “โดรน” (DRONE : Dynamic Remotely Operated Navigation Equipment) บินว่อน ตามสถานที่สำคัญๆ ทางทหาร และยุทธศาสตร์ บริเวณแนวชายแดนไทย-กัมพูชา

คาดหมายว่า ทางกองทัพไทย ก็คงจะมีมาตรการ อุปกรณ์เครื่องไม้ เครื่องมือ มีความพร้อมสำหรับรับมือกับพวกโดรนเหล่านั้น ซึ่งส่งสัญญาณว่า น่าจะเป็นภัยคุกคามด้านความมั่นคงของไทยเรา ไม่อย่างใดก็อย่างหนึ่ง

ทั้งนี้ เพราะโดรน สามารถถูกนำมาใช้ได้ทั้งในปฏิบัติการตรวจการณ์ จารกรรม สอดแนม รวมไปถึงใช้อาวุธร้ายในปฏิบัติการโจมตีทางทหารได้ด้วย

ทหารของกองทัพประเทศแห่งหนึ่ง กำลังฝึกการใช้โดรนในทางยุทธวิธี (Photo : AFP)

ถึงขนาดเหล่าผู้สันทัดกรณีทางทหาร กล่าวขานว่า เป็นยุคสมัยแห่งสงครามโดรน ที่ชาติคู่ปรปักษ์ทางสงคราม ใช้อากาศยานไร้คนขับนี้ จะเป็นอาวุธหลัก สำหรับใช้ห้ำหั่นระหว่างกันอย่างน่าสะพรึงเลยทีเดียว เหมือนกับที่ยุคหนึ่งสมัยหนึ่ง รถถังประจัญบาน ถูกยกให้เป็นหนึ่งในอาวุธเผด็จศึกในสงครามอย่างไรอย่างนั้น

ด้วยเหตุผลที่ว่า โดรนมีราคาถูกกว่า ทั้งในการผลิตและการจัดซื้อในกรณีที่ประเทศของตน ยังผลิตไม่ได้ หรือผลิตไม่ได้ในปริมาณมากๆ เพื่อใช้ในการทำสงคราม เมื่อเปรียบเทียบกับการจัดซื้อเครื่องบินรบ ประเภทเครื่องบินขับไล่แล้ว ต้องบอกว่า ราคาแตกต่างห่างกันไกลลิบลับ

เจ้าหน้าที่ยูเครนเก็บกู้ซากโดรนชาเฮดที่รัสเซียส่งเข้ามาโจมตีเมืองคาร์คิฟ (Photo : AFP)

ยกตัวอย่างการเปรียบเทียบระหว่าง “โดรนชาเฮด” โดรนโจมตีทางการทหารระดับวายร้าย ในสงครามรัสเซีย-ยูเครน ซึ่งผลิตโดยอิหร่าน มีราคาอยู่ที่ระหว่างราวๆ 20,000 – 50,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ คิดเป็นเงินไทยตัวเลขกลมๆ ก็ประมาณ 649,000 – 1,620,000 บาท ขณะที่ เครื่องบินขับไล่แบบเอฟ-16 ราคาก็จะอยู่ที่ประมาณไม่ต่ำกว่า 25 – 70 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ คิดเป็นเงินไทยก็ประมาณ 1,000 – 2,400 ล้านบาท แล้วแต่เครื่องบินแต่ละลำว่าจะมีการอัพเกรดอะไร มากน้อยแค่ไหน

นอกจากนี้ ข้อดีของการใช้โดรนอีกประการหนึ่ง ก็คือ ช่วยลดความสูญเสียกำลังพลทหาร กรณีที่เกิดความผิดพลาดอย่างใดอย่างหนึ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเครื่องขัดข้อง หรือถูกฝ่ายตรงข้ามใช้อาวุธต่อต้านอากาศยานยิงตก โดยจะสูญเสียไปแต่เฉพาะโดรนเท่านั้น แตกต่างจากการใช้เครื่องบินรบ ที่นอกจากจะเสียเครื่องบินแล้ว ก็อาจจะต้องสูญเสียกำลังพลไปด้วย

ด้วยประการฉะนี้ ในสงครามหลายๆ สมรภูมิ ต่างก็หันมาใช้โดรน มาประจัญบานกัน

ยกตัวอย่างเช่น “สงครามรัสเซีย-ยูเครน” ซึ่งดำเนินมา 3 ปีกว่า ทั้งกองทัพรัสเซีย และกองทัพยูเครน ปรับเปลี่ยนกลยุทธ์หันมาใช้ปฏิบัติการโจมตีทางอากาศด้วยโดรนเพิ่มมากขึ้น ทำให้ลดความสูญเสียกำลังพลในกองทัพไปได้มาก แตกต่างจากช่วงต้นของสงคราม ที่กำลังพลเข้าห้ำหั่นกัน

สภาพความเสียหายของชุมชนแห่งหนึ่งในเมืองโอเดสซาของยูเครน หลังถูกโดรนจากกองทัพรัสเซีย บินเข้ามาโจมตี (Photo : AFP)

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ทางฝั่งรัสเซีย ระดมการใช้โดรนปฏิบัติการทางทหารต่อยูเครนอย่างขนานใหญ่ โดยนอกจากรัสเซียผลิตโดรนมาใช้เองแล้ว ก็ยังมีนำเข้าจากอิหร่าน ซึ่งเป็นอีกหนึ่งชาติมหาอำนาจด้านอาวุธโดรนระดับโลก ณ ชั่วโมงนี้มาเสริมเขี้ยวเล็บ

ตามรายงานของกลุ่มที่เฝ้าสังเกตการณ์ปฏิบัติการทางทหารด้วยโดรนของกองทัพรัสเซียที่มีต่อยูเครน ก็ระบุว่า ในช่วงเดือนกรกฎาคม 2025 (พ.ศ. 2568) ที่เพิ่งผ่านพ้นมา กองทัพรัสเซีย ได้ส่งโดรนโจมตียูเครนมากเป็นประวัติการณ์ คือ มากกว่า 6,000 ลำ ด้วยกัน

โดยมีรายละเอียดในทางสถิติตัวเลขว่า กองทัพรัสเซีย ส่งโดรนแบบ “ชาเฮด” เข้าไปถล่มยูเครน ในช่วงเดือนกรกฎาคมที่ผ่นมานั้นมากถึง 6,129 ลำ มากกว่าช่วงเดือนกรกฏภาคม 2024 (พ.ศ. 2567) ที่กองทัพรัสเซีย ส่งโดรนมาถล่มยูเครนเพียง 423 ลำเท่านั้น หรือคิดเป็นอัตรามากถึง 14 เท่าเลยทีเดียว

ใช่แต่เท่านั้น ทางกองทัพอากาศยูเครน ก็ออกมายอมรับว่า ถูกกองทัพรัสเซีย ส่งโดรนพิสัยไกลเข้ามาโจมตียูเครนเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา จำนวน 6,297 ลำ ซึ่งเป็นตัวเลขที่มากกว่ารายงานข้างต้น และกองทัพอากาศยูเครน ก็ยังระบุด้วยว่า ตัวเลข 6,297 ลำดังกล่าว ก็มากกว่าตัวเลขของเมื่อเดือนมิถุนายนถึงร้อยละ 16

โดยวันที่ 9 กรกฎาคมที่ผ่านมา ถือเป็นวันที่ยูเครนถูกโดรนโจมตีทางอากาศมากที่สุด คือ 741 ลำ ซึ่งเป็นตัวเลขที่มากกว่าของเดือนกรกฎาคมปีที่แล้วตลอดทั้งเดือนเลยทีเดียวที่มีจำนวนเพียง 423 ลำ เท่านั้น

ขณะที่ เหล่านักวิเคระห์ ก็ยังมีคำเตือนด้วยว่า ตัวเลขที่รายงานกันนั้น ก็สะท้อนให้เห็นว่า กองทัพรัสเซียมีแนวโน้มที่จะโดรนเป็นอาวุธโจมตีทางอากาศเข้าใส่เป้าหมายในยูเครนมากขึ้น

ระบบตาข่ายต่อต้านโดรน ที่ทางยูเครนใช้ป้องกันโดรนของรัสเซียที่จะบินเข้ามารุกล้ำตามสถานที่สำคัญต่างๆ (Photo : AFP)

พร้อมกันนี้ บรรดานักวิเคราะห์ ก็แสดงทรรศนะเชิงวิตกกังวลกันด้วยว่า เป้าหมายโดรนโจมตี จะมิใช่เพียงเป้าหมายทางการทหารเท่านั้น แต่ทว่า เป็นเป้าหมายพลเรือน แถมยังเป็นพื้นที่สีเขียว ที่มีความเปราะบางกันอีกต่างหาก ไม่ว่าจะเป็นบ้านเรือนประชาชน สถานการศึกษา โรงเรียน และยังเป็นโรงเรียนระดับอนุบาล ก่อนประถมวัยอีกด้วย นอกจากนี้ ยังมีรถพยาบาลอีกหลายคันที่ตกเป็นเป้าถล่ม

ส่วนทางฟากยูเครน ก็ไม่น้อยหน้า เพระได้ส่งโดรนถล่มโรงกลั่นน้ำมันของรัสเซีย และอาคารที่พักอาศัยของประชาชนชาวรัสเซีย ก็ถูกโจมตีด้วยเช่นกัน

การฝึกใช้อาวุธต่อต้านโดรน ในการยิงสกัดโดรนฝ่ายตรงข้ามที่รุกล้ำเข้ามา (Photo : AFP)

นอกจากศึกรัสเซีย-ยูเครนแล้ว ในสมรภูมิอื่นๆ อย่าง สงครามอิสราเอลในกาซา และอิสราเอลกับอิหร่าน ก็เปิดฉากดวลโดรนกันสว่างทั่วท้องฟ้า และสนั่นปฐพี สะท้านขวัญชาวโลกกันไปแล้ว เมื่อไม่นานมานี้