เมื่อเวลา 09.40 น.วันที่ 5 ส.ค. 68 ที่ทำเนียบรัฐบาลนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมว. ศึกษาธิการ ในฐานะหัวหน้าพรรคกล้าธรรม (กธ.)ให้สัมภาษณ์ถึงการเสนอชื่อบุคคลดำรงตำแหน่งรองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 ว่า ในส่วนของพรรค กธ.มีคนที่พร้อมจะเสนอชื่อตั้งแต่ครั้งที่แล้ว และแสดงเจตจำนงมาตลอด เราคุยกันมาตลอดว่าไม่อยากพูดเรื่องนี้ออกสื่อ เพราะปัญหาของประเทศยังเยอะอยู่ ทั้งสถานการณ์ชายแดน น้ำท่วมภาคเหนือ ที่ยังฟื้นฟูไม่จบ รวมถึงปัญหาเศรษฐกิจ จึงไม่อยากให้ประชาชนรู้สึกว่ามาแย่งตำแหน่งอะไรในขณะที่ชาวบ้านยังเดือดร้อน
นางนฤมล กล่าวว่า ส่วนที่นายไผ่ ลิกค์ สส.กำแพงเพชร ในฐานะเลขาธิการพรรค ต้องออกมาพูดเรื่องนี้ เพราะไม่มีการพูดคุยกันในสภาฯ เราเห็นว่าไม่ถูกต้อง เรื่องนี้เป็นกิจการของสภาฯ ควรต้องหารือกันในสภา โดยพรรคร่วมรัฐบาลต้องมาคุยกันและตกลงว่าจะเป็นอย่างไร โดยไม่จำเป็นต้องมาทวงตำแหน่งออกสื่อ แต่เมื่อไม่มีการพูดคุยก็จะเกิดปัญหาในการทำงานร่วมกันในสภาแน่นอน
เมื่อถามว่า การเลือกรองประธานสภาฯครั้งที่แล้ว พรรค กธ.พร้อม แต่ในขณะที่พรรคเพื่อไทย (พท.) ยืนยันว่าเป็นโควต้าของพรรค ครั้งนี้จะทำอย่างไร นางนฤมล กล่าวว่า ตรงนั้นเราได้ไปคุยและก็ยอม แต่พอครั้งนี้ก็ไม่คุยก็จะเป็นปัญหาในการทำงาน และจะมีปัญหาหลายอย่าง อีกทั้งสส.ก็จะไม่พอใจว่าไม่ได้รับการปรึกษาพูดคุยกัน ทั้งที่เป็นพรรคร่วมรัฐบาลที่ต้องคุยกัน
เมื่อถามต่อว่า ถ้าพรรค พท. มีมติของเขา พรรค กธ.จะยอมหลีกทางหรือไม่ นางนฤมล กล่าวว่า เป็นเรื่องของพรรคเขา แต่ยืนยันว่าต้องมาคุยกัน ถ้าไม่คุยก็เป็นปัญหาแน่นอน
เมื่อถามย้ำว่า หากพรรคเพื่อไทยไม่คุย จะเสนอชื่อแข่งหรือไม่ นางนฤมล กล่าวว่า ต้องให้เป็นมติของพรรค กธ.พิจารณา
เมื่อถามอีกว่า ที่มีข้อสังเกตว่าเก้าอี้รองประธานสภาฯ ไม่ใช่โควตา ของพรรคใดพรรคหนึ่ง แต่เป็นตำแหน่งที่ต้องทำงานโดยรวมในสภาฯ นางนฤมล กล่าวว่า ใช่ จึงต้องคุยกันว่าใครเหมาะสม หากข้อตกลงร่วมกันเป็นอย่างไร เราก็พร้อม เพราะพรรค กธ.ทำไม่เคยเกเร แต่เมื่อเลือกจะไม่คุยก็จะมีปัญหา
เมื่อถามด้วยว่า ในสถานการณ์เสียงปริ่มน้ำ เสียงของพรรค กธ. ถือว่ามีความสำคัญใช่หรือไม่ นางนฤมล กล่าวว่า เราไม่ได้ขู่อย่างนั้น แต่ย้ำว่าถ้าไม่ได้หารือจะมีปัญหาทำงานร่วมกันในสภาฯ และเรื่องนี้สามารถคุยกันได้เพราะเจอกันทุกสัปดาห์ในสภาฯ
เมื่อถามย้ำว่า พรรคเพื่อไทยก็ไม่ได้หารือใช่หรือไม่ นางนฤมล กล่าวว่า เท่าที่ทราบก็ไม่ได้หารือกัน ย้ำว่าเรื่องนี้ทางวิปต้องไปหารือกัน เมื่อตำแหน่งว่างลง