ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนว่า มีคนร้าย 4 คน ดักทำร้ายสองสามีภรรยาชาวพม่าขณะกำลังขี่รถจักรยานยนต์ออกจากห้องพักเพื่อไปทำงานกะกลางคืน โดยฝ่ายหญิงได้รับบาดเจ็บถึงขั้นกระดูกโหนกแก้มร้าว กล้องวงจรปิดสามารถบันทึกเหตุการณ์ไว้ได้ และผู้เสียหายได้เข้าแจ้งความกับ สภ.โพธาราม แล้วแต่กลัวคดีไม่คืบ จึงมาร้องผ่านสื่อ
จากการลงพื้นที่ไปยังจุดเกิดเหตุ พร้อมด้วยนายฐิติพันธ์ บัวภู ผู้ใหญ่บ้าน ม.4 ต.บ้านฆ้อง ซึ่งเป็นห้องเช่าในพื้นที่หมู่ 4 ต.บ้านฆ้อง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี และได้พบกับผู้เสียหายคือ นางสาวเอตันดาวิน อายุ 31 ปี ชาวพม่า ซึ่งไม่สามารถสื่อสารภาษาไทยได้ ต้องใช้ นางสาวน้ำฝน สายใจ อายุ 35 ปี ชาวกะเหรี่ยง เป็นล่ามในการให้ข้อมูล พร้อมเปิดคลิปจากกล้องวงจรปิดให้ผู้สื่อข่าวดู
โดยในคลิปวงจรปิดพบว่า เมื่อคืนวันที่ 29 กรกฎาคม เวลาประมาณก่อนเที่ยงคืน นางสาวเอตันดาวิน และสามีชื่อ นายตินโกวิน อายุ 31 ปี ชาวพม่า ขี่รถจักรยานยนต์ออกจากหอพักเพื่อไปทำงานกะกลางคืน เมื่อขับมาถึงปากซอย ได้มีชาย 4 คน สวมหมวกและใส่หน้ากากปิดบังใบหน้า วิ่งกรูเข้ามาหา ฝ่ายหญิงพยายามยกมือไหว้ขอชีวิต พร้อมบอกว่าจำผิดคนหรือเปล่าหนูไม่ใช่นะ แต่กลุ่มคนร้ายทั้ง4ก็ไม่ฟังเลย เลยถูกหนึ่งในคนร้ายกระชากลงจากรถ และทั้ง 4 คนช่วยกันรุมทำร้ายด้วยการเตะและกระทืบ ขณะเดียวกัน อีก 2 คนใช้อาวุธไม้และสนับมือตามไปทำร้ายฝ่ายชายจนได้รับบาดเจ็บ เมื่อก่อเหตุเสร็จ ทั้ง 4 คนก็หลบหนีไปอย่างรวดเร็ว ภายหลัง นายตินโกวินรีบนำร่างภรรยาส่งโรงพยาบาล และได้เข้าแจ้งความที่ สภ.โพธาราม
ทั้งนี้ นางสาวเอตันดาวิน ให้การผ่านล่ามว่า ตนและสามีทำงานอยู่ในพื้นที่นี้มานานกว่า 6 ปี ไม่เคยมีปัญหากับใคร ยกเว้นกรณีเพื่อนข้างห้องที่เคยมีปากเสียงกันเรื่องที่จอดรถ และเคยมีการลงไม้ลงมือกันเมื่อเดือนก่อน แต่ไม่มีการแจ้งความ ผู้เสียหายยังระบุว่า ลักษณะของการทำร้ายในครั้งนี้ดูเหมือนมีเป้าหมายมาที่ตนเป็นหลัก โดยเธอได้รับบาดเจ็บบริเวณหน้าผาก กระดูโหนกแก้มแตก ถลอกตามร่างกาย ปวดศีรษะและซี่โครง ส่วนนายตินโกวิน บาดเจ็บที่ขาและลำตัว จากการถูกตีและชกด้วยสนับมือ อยากวอนให้เจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยติดตามคนร้ายทั้ง4มาดำเนินคดี และจะเอาเรืองให้ถึงที่สุดและอยากรู้เขาทำร้ายทำไม ซึ่งวันเกิดเหตุกลุ่มคนร้ายทั้ง 4 ไม่ได้พูดจาใด ๆ แต่ใช้เพียงภาษามือสื่อสารกัน ซึ่งจากลักษณะท่าทาง เชื่อว่าอาจเป็นชาวพม่าด้วยกัน
ด้านพ.ต.ท.พันธ์ฤกษ์ สร้อยทองมูล สารวัตรสืบสวน สภ.โพธาราม ให้ข้อมูลว่าหลังรับแจ้งความ ชุดสืบสวนได้ลงพื้นที่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดโดยทันที และได้เรียกผู้เสียหายมาสอบสวนเพื่อหาสาเหตุ ซึ่งทางผู้เสียหายนั้นไม่เคยมีเรื่องอะไรกับใครเลย จะมีก็กับเพื่อนข้างห้องที่เคยมีปัญหากันมาแต่ผ่านมาเดือนกว่าแล้วส่วนเรื่องที่มีปัญหากันคือเรื่องจอดรถขวางทางเข้าออก ทำให้มีปากเสียงกันถึงขั้นลงไม้ลงมือกันแต่ก็ไม่ได้แจ้งความอะไร เพื่อความสบายใจของผู้เสียหายทางเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนจึงได้เชิญเพื่อนข้างห้องมาพูดคุย โดยทางเพื่อนข้างห้องยืนยันว่า ไม่ทราบเรื่อง และไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ เพราะได้ออกไปทำงานก่อนเกิดเหตุประมาณ 5-10 นาที
เจ้าหน้าที่ตำรวจระบุว่า คดีนี้คนร้ายมีพฤติกรรมโหดเหี้ยม แม้ฝ่ายหญิงจะยกมือไหว้ขอชีวิตก็ยังถูกทำร้ายอย่างหนัก ถือว่าเป็นการกระทำที่รุนแรงและไม่เกรงกลัวกฎหมาย โดยจะเร่งติดตามตัวผู้ก่อเหตุทั้ง 4 รายมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป