ธปท.เผยเศรษฐกิจไทย มิ.ย.ชะลอจากเดือนก่อน ส่งออก-ท่องเที่ยว-บริโภคหด จับตาผลเจรจาภาษีทรัมป์-ภัยธรรมชาติ
วันที่ 31 ก.ค.68 น.ส.ชญาวดี ชัยอนันต์ ผู้ช่วยผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยถึงภาวะเศรษฐกิจไทยเดือนมิ.ย. และไตรมาส 2 ปี 2568 ว่า เศรษฐกิจไทยในเดือนมิ.ย. ชะลอลงจากเดือนก่อน โดยการส่งออกสินค้า และภาคการผลิตลดลง หลังเร่งตัวไปในช่วงก่อนหน้าเพื่อให้ทันก่อนที่จะสิ้นสุดการผ่อนผันการปรับขึ้นภาษีศุลกากรตอบโต้ (Reciprocal Tariff) ของสหรัฐฯ นอกจากนี้ กิจกรรมที่เกี่ยวกับภาคการท่องเที่ยวก็ปรับตัวลดลง ตามจำนวนและรายรับจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ รวมถึงการบริโภคภาคเอกชนลดลงในเกือบทุกหมวด อย่างไรก็ดี การใช้จ่ายภาครัฐ และการลงทุนภาคเอกชนขยายตัวต่อเนื่อง ด้านอัตราเงินเฟ้อทั่วไป ติดลบน้อยลงจากเดือนก่อน เนื่องจากผลของหมวดอาหารสด โดยเฉพาะราคาผักผลไม้สดที่ปรับตัวสูงขึ้น ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน อยู่ในระดับใกล้เคียงกับเดือนก่อน ส่วนตลาดแรงงานทรงตัว และต้องติดตามสัดส่วนผู้ขอรับสิทธิว่างงานรวมที่ปรับเพิ่มขึ้น
ขณะที่ภาพรวมเศรษฐกิจไทยไตรมาส 2/68 นั้น ขยายตัวได้ใกล้เคียงกับไตรมาส 1 ที่ขยายตัวได้ 3.1% โดยมีแรงส่งจากการส่งออกสินค้า การผลิตภาคอุตสาหกรม การใช้จ่ายภาครัฐ และการลงทุนภาคเอกชน ขณะที่กิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับภาคท่องเที่ยวชะลอลง สอดคล้องกับจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ ส่วนการบริโภคภาคเอกชนทรงตัว ด้านอัตราเงินเฟ้อทั่วไปลดลงจากหมวดพลังงานที่ปรับตัวลดลง ตามราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ตามการส่งผ่านต้นทุนในหมวดอาหาร ขณะที่ตลาดแรงงานทรงตัว โดยจำนวนผู้ประกันตนปรับดีขึ้น แต่จำนวนผู้ขอรับสิทธิว่างงานเพิ่มขึ้นเช่นกัน
ส่วนแนวโน้มระยะต่อไป เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มชะลอลงจากผลกระทบของนโยบายการค้าโลกต่อการส่งออกสินค้า การผลิตทั้งภาคเกษตรและอุตสาหกรรม และรายได้ของแรงงานในส่วนที่เกี่ยวข้อง รวมถึงจำนวนนักท่องเที่ยวที่มีแนวโน้มชะลอลง อย่างไรก็ดี ในระยะต่อไปมีปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ 1.ผลของการเจรจาการค้าของไทยและประเทศต่างๆกับสหรัฐฯ 2.สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา 3.พัฒนาการภาคการท่องเที่ยว 4.ผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ภาคเหนือ 5.ผลจากมาตรการเศรษฐกิจของภาครัฐ
#เศรษฐกิจไทย #ธปท #ส่งออก #นักท่องเที่ยว #เงินเฟ้อ #การเจรจาการค้า #สถานการณ์น้ำ #ReciprocalTariff #ข่าวเศรษฐกิจ #ตลาดแรงงาน