วันที่ 31 ก.ค.2568 เวลา 14.40 น.ที่รัฐสภา นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงกรณีที่มีข่าวว่าโรงพยาบาลไม่รับผู้ป่วยจากประเทศกัมพูชาว่า ไม่มีการปฏิเสธการรักษา ซึ่งกรณีของโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จ.อุบลราชธานีนั้น มีแต่คนไข้ในที่เป็นชาวกัมพูชา และยังรักษาอยู่ ไม่ได้มีการให้เขาออกจากโรงพยาบาลหรือไล่เขาไป ซึ่งโรงพยาบาลยังดูแลตามหลักสิทธิมนุษยชน ไม่มีปัญหาอะไร แต่ที่ให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราวคือล่ามที่เป็นชาวกัมพูชาแล้วมาปฏิบัติหน้าที่ที่โรงพยาบาล เพื่อความปลอดภัยของทุกฝ่าย
“แต่หากมีชาวกัมพูชาที่ป่วยฉุกเฉิน และต้องการเข้ามารักษาที่ประเทศไทย เราก็รับได้ เพราะเป็นเรื่องสิทธิมนุษยชน เราไม่สามารถไปทำอะไรที่พิเรนๆได้ เหมือนบางประเทศที่เขาทำกัน แต่เราไม่ทำ เพราะประเทศไทยอยู่ในระบอบประชาธิปไตยที่ค่อนข้างมีจิตใจที่สูงส่งกว่าประเทศเพื่อนบ้านบางประเทศที่เห็นๆอยู่ อะไรที่เป็นเรื่องที่ไม่อยู่ในหลักสิทธิมนุษยชน เราไม่ทำอยู่แล้ว”นายสมศักดิ์ กล่าว
เมื่อถามว่า มีกรณีที่ทหารกัมพูชาร้องขอเข้ามารักษาตัวในประเทศไทย เนื่องจากเหตุการสู้รบ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ถ้าฉุกเฉินมาก็ไม่เป็นไร เราอย่าไปคิดว่าเขาเป็นทหารหรือไม่เป็นทหาร เราอย่าไปจำกัดสิทธิ์อะไรทั้งสิ้น “แต่เขาคงไม่มาหรอก เขาจะมาอย่างไร ข้ามชายแดนมาถ้าเป็นทหารก็ถูกจับอีก”
เมื่อถามถึงข้อเท็จจริงที่ระงับการทำงานของชาวกัมพูชาที่อยู่ในโรงพยาบาล เพราะกลัวเรื่องที่จะเป็นสายลับใช่หรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ก็เป็นเรื่องหนึ่ง แต่ขอให้การเจรจาวันที่ 4 ส.ค.จบไปก่อน ผลการเจรจาเป็นอย่างไร และเมื่อบรรยากาศเรียบร้อยดีก็ต้องคุยกันใหม่ว่าจะเอาอย่างไร วันนี้เราต้องฟังกลาโหมเป็นหลัก ต้องให้กลาโหมนำ แล้วเราก็ปฏิบัติตาม