จากเหตุการณ์พลุระเบิด พื้นที่หมู่ 1 ตำบลบ้านโพธิ์ อำเภอเมือง จังหวัดสุพรรณบุรี ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุเป็นผู้หญิงจำนวน 9 ราย ราย หนี่งในผู้เสียชีวิตตั้งท้อง 7-8 เดือน ส่วนเจ้าของบ้านเกิดเหตุได้รับบาดเจ็บสาหัส 1 ราย  เหตุเกิดเมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 30 ก.ค.2568 โดยนายพิริยะ ฉันทดิลก ผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี ได้ให้ตั้งศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบเหตุพลุระเบิด  ณ วัดโพธิ์ท่าทราย ตำบลบ้านโพธิ์ อำเภอเมือง จังหวัดสุพรรณบุรี  ส่วนร่างผู้เสียชีวิตทั้ง 9 ราย บรรจุใส่โรงเย็นตั้งไว้อยู่ภายในศาลาการเปรียญข้างเมรุ  เพื่อตรวจพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคล จากนั้นจะทยอยมอบร่างผู้เสียชีวิตทั้ง 9 ราย เพื่อให้ญาติเคลื่อนย้ายไปบำเพ็ญกุศล หลังจากวันที่ 4 ส.ค.2568  

ล่าสุดวันที่ 31 ส.ค.2568 เวลา 12.00 น. นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ พร้อมด้วยนายสรชัด สุจิตต์ ส.ส.สุพรรณบุรี นายกลวัชร ทรัพย์ส่งสุข รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี พล.ต.ต.วัชรินทร์ ประสพดี ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสุพรรณบุรี เดินทางมาเยี่ยมให้กำลังใจญาติครอบครัวผู้เสียชีวิตทั้ง 9 ราย ที่ศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบเหตุพลุระเบิด  ณ วัดโพธิ์ท่าทราย ตำบลบ้านโพธิ์ อำเภอเมือง จังหวัดสุพรรณบุรี 

 

โดย นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ได้มอบสิ่งของใช้จำเป็นในครัวเรือนและมอบเงินจำนวนหนึ่งให้กับญาติครอบครัวผู้เสียชีวิตทั้ง 9 ราย เพื่อเป็นการช่วยเหลือเบื้องต้นจากเหตุพลุระเบิด จากนั้นได้เดินทางไปตรวจดูบ้านที่เกิดเหตุ  

ซึ่งนายวราวุธ กล่าวว่าได้มาดูสถานที่เกิดหตุพลุระเบิดไปเมื่อวานนี้  วันนี้เรามาพบกับครอบครัวผู้สูญเสียทุกคนและแสดงความเสียใจเป็นอย่างยิ่งต่อครอบครัวผู้เสียชีวิต  บางคนก็เป็นเสาหลักของครอบครัว  บางคนยังมีลูกน้อยอยู่  ดังนั้นวันนี้ทีมงานของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์  ได้ทำงานร่วมกับทุกหน่วยงาน ในจังหวัดสุพรรณบุรี  ต้องขอบคุณท่านผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรีและรองผู้ว่าราชการจังหวัด  ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสุพรรณบุรี  ทีมงานเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกๆคน  ทีมงานของฝ่ายปกครอง  และทีมงานของ พท.หนึ่งเดียว  ที่อดตาหลับขับตานอน  ตั้งแต่เมื่อวานที่เกิดเหตุทุกฝ่ายทำงานกันอย่างเต็มที่ เพื่อที่จะดูแลทั้งทางด้านร่างกายและทางด้านจิตใจ  ถ้าท่านใดได้อยู่ในสถานการณ์ก็จะเห็นว่า ครอบครัวที่สูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักไปนั้น  ยังอยู่ในสภาพเหมอลอย  และเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น  หน้าที่ของเราฝ่ายราชการคือจะทำอย่างไร  ที่จะเยียวยาและดูแลครอบครัวที่อยู่  เรื่องการฟื้นฟูสภาพจิตใจ  ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของอาชีพ  การสนับสนุนการศึกษา  ซึ่งถือว่าโชคดีเพราะในจังหวัดสุพรรณบุรี มีภาคเอกชนและพี่น้องประชาชนที่มีจิตศรัทธา  ทีมงานเหล่ากาชาดที่พร้อม ยื่นมือเข้ามาช่วย ลูกหลานชาวจังหวัดสุพรรณบุรี ได้มีการศึกษาต่อ

 

  
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เป็นอุทาหรณ์ ให้กับอีกหลายหลายฝ่าย การที่ที่เกิดขึ้นนั้น เป็นเหตุการณ์ที่ไม่ควรจะเกิด  และทางผมเองก็ขอให้ทางท่านผู้ว่าราชการจังหวัด ตรวจตรารวมไปถึงใบอนุญาตต่างๆ  ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะต้องกวดขัน  เพราะเมื่อปีที่แล้วที่ตำบลศาลาขาว ก็ได้เกิดเหตุแบบนี้ แต่มียอดผู้เสียชีวิตเยอะกว่านี้  ดังนั้นจากนี้  จะต้องเป็นมาตรการที่จะต้องทำอย่างไร  ที่จะไม่ให้เกิดเหตุเช่นนี้ใน อำเภอเมืองหรือแม้ในจังหวัดสุพรรณบุรีอีก  

เบื้องต้นต้องแสดงความเสียใจอีกครั้งกับครอบครัวผู้เสียชีวิต  และทางหน่วยงานราชการไม่ว่าจะเป็นทางมหาดไทย  กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์  รวมทั้งกระผมเองและในวันนี้ มูลนิธิบรรหารแจ่มใส ศิลปอาชา ได้นำเงินส่วนหนึ่ง มามอบให้และเป็นกำลังใจให้กับครอบครัว ที่สูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักไป  และจากนี้ไปก็จะเริ่มดำเนินการ การทำพิธีทางศาสนาต่อไป  

ส่วนเรื่องการดำเนินคดีคงต้องหารือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ  บวกกับทางท่านผู้ว่าราชการจังหวัด  ว่าต้นสายไฟเหตุเกิดขึ้นได้อย่างไร  แต่ที่ได้รับรายงานนั้นที่เกิดเหตุไม่ใช่โรงงานพลุ มันเป็นเหมือนลูกประทัดปิงปอง ที่เอาไว้ไล่นก  ท่านใดที่ทำการเกษตรอยู่ต่างจังหวัดจะคุ้นเคยกันดี  แต่เมื่อสารดินระเบิดอยู่รวมกันเยอะๆ  ก็จะเกิดเหตุแบบนี้ได้  ดังนั้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ  เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง จะต้องดำเนินการกันต่อไป ในด้านกฎหมาย

ต่อจากนี้ไปก็ต้องไปตรวจสอบว่าได้มีการขอใบอนุญาตถูกต้องหรือไม่  ถ้าถูกต้องจะต้องดำเนินการอย่างไร  และถ้าไม่ถูกต้อง จะต้องมีการดำเนินการอย่างไร  ทั้งนี้ทั้งนั้นจากที่ผมเรียนไปทาง กำนัน  ผู้ใหญ่บ้าน  นายอำเภอ  รวมทั้งจังหวัด  จะต้องเดินเคาะประตูบ้านกันเลย  ว่าประกอบกิจการใดได้รับ  หรือไม่ถูกมาตรฐาน  เพื่อที่จะไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก

ด้านนายกลวัชร ทรัพย์ส่งสุข รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี เปิดเผยว่า เบื้องต้นมีโรงงานที่มีใบอนุญาตทั้งหมด 7 แห่ง  อำเภอเมืองสุพรรณบุรี 5  แห่ง  อำเภอหนองหญ้าไซ  1  แห่ง และอำเภอดอนเจดีย์ 1 แห่ง  ส่วนใหญ่เป็นการลักลอบ ขนย้ายมาทำมากกว่า  ไม่ได้ขออนุญาตให้ถูกต้อง  ตอนนี้ทางจังหวัดเองเร่งให้อำเภอที่มีโรงงาน ที่มีการขอใบอนุญาต  เร่งตรวจสอบทั้งหมด  ทางผู้ว่าราชการจังหวัดได้เร่งให้ตรวจสอบหาผู้กระทำความผิดในเหตุการณ์ผู้รับระเบิดครั้งนี้ให้โดยเร็ว

ขณะที่ พล.ต.ต.วัชรินทร์ ประสพดี ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสุพรรณบุรี เปิดเผยว่าตอนนี้ได้มีการสอบสวนปากคำญาติ ผู้เสียชีวิตไปแล้ว  9 ราย  พยานที่เกี่ยวข้องสอบไปแล้ววันนี้อีก  3 ราย   ณ  ตอนนี้ยังไม่ได้มีการแจ้งข้อกล่าวหาใครและต้องรอผลการตรวจ จากกองพิสูจน์หลักฐาน ประกอบการพิจารณาของตำรวจอีกครั้ง  เมื่อวานนี้ทางนิติเวชสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ร่วมกับนิติเวชของโรงพยาบาลเจ้าพระยายมราช  ร่วมกันตรวจพิสูจน์อัตลักษณ์ เพื่อตรวจดีเอ็นเอ  อย่างช้าที่สุดน่าจะเป็นวันจันทร์ที่ 4 ส.ค. ที่สามารถส่งมอบศพให้กับญาติไปดำเนินการบำเพ็ญกุศลต่อไป  ซึ่งทางญาติได้ทราบระยะเวลาดังกล่าวนี้แล้ว