วันที่ 31 ก.ค.2568 เวลา 11.00 น.ที่รัฐสภา ได้มีพิธีรับพระบรมราชโองการ โปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งนายฉลาด ขามช่วง เป็นรองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 2 โดยน.ส.สาวิตรี ชำนาญกิจ เป็นผู้เชิญพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ เข้ามายังพิธี โอกาสนี้ ข้าราชการ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เข้าร่วมพิธีด้วย
ภายหลังพิธีโปรดเกล้าฯ นายฉลาด เปิดเผยว่า ในฐานะที่ตนได้รับเลือกให้ไปทำหน้าที่รองประธานสภาฯ คนที่ 2 ให้ไปทำหน้าที่ช่วยเหลือประธานสภาฯ ทั้งในสภาฯ และนอกสภาฯ ในห้องประชุมขอความร่วมมือกับเพื่อนสมาชิกทุกฝ่าย ในฐานะที่อยู่สภาฯ มาก่อน และก่อนที่จะมารับตำแหน่งรองประธานสภาฯ คนที่ 2 ตนได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับเพื่อนสมาชิกทุกรุ่นว่าแนวทางการพัฒนาสภาฯ ควรเป็นอย่างไร เพื่อให้สภาฯ น่าอยู่เป็นที่เชิดหน้าชูตาของคนทั้งประเทศ เป็นที่พึ่งของประชาชน
ยืนยันว่าจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ระหว่างปฏิบัติหน้าที่ตนจะทำหน้าที่เป็นกลางทางการเมือง ซึ่งในการทำหน้าที่อาจจะถูกใจบ้างแต่ถูกขอบังคับก็ต้องขออภัย และขณะนี้มีการประชุมสภาฯ อยู่ หากสภาฯ ล่มก็เพราะตนคนเดียว เนื่องจากเรามีเสียงจำกัดคือมากกว่าเกินหนึ่งไม่เยอะ สมาชิกทุกคนต้องเป็นองค์ประชุม แต่ความจริงคือรัฐบาล และหากรัฐบาลเสียงไม่พอ ฝ่ายค้านไม่ต้องรับผิดชอบ แต่ความจริงคือทุกคนต้องรับผิดชอบร่วมกันเพื่อเป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน
สิ่งไหนที่จะเป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน ก็ต้องขอความร่วมมือจากเพื่อนสมาชิก เพราะเป้าหมายของเราคือการแก้ปัญหาให้พี่น้องประชาชน ตนอยู่สภาฯ มา 30 ปีไม่มีใครพูดเรื่องส่วนตัว มีแต่พูดเรื่องผลประโยชน์ของพี่น้องประชาชน
“ความคิดอาจจะแตกต่างบ้าง แต่จุดยืนของพวกเราคือความผาสุกของพี่น้องประชาชนที่อยู่ภายใต้กรอบของกฎหมาย ไม่มีใครสามารถบิดเบือนข้อกฎหมายและข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นได้ เมื่อเกิดข้อสงสัยก็พร้อมที่จะพิสูจน์ ไม่ใช่คิดเอาเอง หากเรายืนบนหลักข้อเท็จจริง เชื่อว่าการทำหน้าที่ของสภาฯ ก็จะเป็นไปด้วยความราบรื่น ขอบคุณเพื่อนสมาชิกทุกคนที่จะให้ความร่วมมือ ในอนาคตที่สภาฯ เราเหลือเวลาอีกไม่เยอะ อีกประมาณ 2 ปีก็จะมีการเลือกตั้งใหม่แล้ว
โดยผมจะสร้างความปรองดองให้เกิดขึ้นในสภาฯ สส.ทุกคนเป็นเพื่อนกัน ฉะนั้น ความสัมพันธ์ส่วนตัว ความคุ้นเคยส่วนตัวขอให้นำมาใช้ประโยชน์ในการประชุมแม้จะอยู่คนละฝ่าย และฝากถึงรัฐบาลว่าแม้เรามีเสียงข้างมาก ทุกคนเป็นหน้าที่โดยตรง ขอรัฐบาลอย่าไปตำหนิฝ่ายอื่น เป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่ต้องมาประชุม ผมและประธานจะทำหน้าที่รับฟังความคิดเห็นของทุกฝ่าย จะไม่วินิจฉัยโดยไม่มีการรับฟังจากทุกฝ่าย
เพราะหากเป็นเช่นนั้นสภาฯ จะมีการขัดแย้งกันแน่นอน แม้เพื่อนสมาชิกจะต้องลงไปในพื้นที่ต่างๆ แต่ก็อยากให้เพื่อนสมาชิกทำหน้าที่ในสภาจนวันสุดท้ายของอายุสภาฯ อยากให้มีความมุ่งมั่นตั้งใจเหมือนที่เรามาวันแรก” นายฉลาด กล่าว
เมื่อถามถึง กรณีที่วันที่ 1 ส.ค.ศาลรัฐธรรมนูญจะนัดวินิจฉัยคดีของนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาฯ คนที่ 1 นั้น นายฉลาด กล่าวว่า ตนได้คุยกับนายพิเชษฐ์ แต่ในเรื่องข้อกฎหมายนั้นตนไม่สามารถก้าวล้วงศาลได้ แต่จากที่ได้พูดคุยกันนั้นนายพิเชษฐ์ก็บอกว่าบริสุทธิ์ใจ แต่ผลจะเป็นเช่นไรนั้นก็ไม่สามารถที่จะคาดเดาได้ เป็นดุลพินิจของศาล
เมื่อถามถึง กรณีความไม่สงบบริเวณพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา นายฉลาด กล่าวว่า ในฐานะ สส.อยากเห็นบ้านเมืองมีความสงบ มีเพื่อนบ้านที่ดี ทุกคนมีเป้าหมายเดียวกันคือรักษาดินแดนของตัวเอง ส่วนที่มีความขัดแย้งกันอยู่นั้น ก็เป็นเรื่องของกระบวนการเจรจา ทุกอย่างต้องมีการเจรจากัน เป็นเรื่องปกติที่มีการกระทบกระทั่งกันบริเวณพื้นที่ชายแดนเหมือนข้างบ้านเรา แต่ยืนยันว่ารัฐบาลทำงานด้วยความมุ่งมั่น แม้แต่สส.ก็ให้กำลังใจรัฐบาล ในฐานะ สส.พร้อมจะให้ความสนับสนุนและอำนวยความสะดวกเครื่องมือต่างๆ ที่รัฐบาลขอมา