วันที่ 31 กรกฎาคม 2568 เวลา 09.30 น. นายบุญเหลือ บารมี รองผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก พร้อมด้วยนายชลเทพ ทาตรี รองผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ 3 หัวหน้าส่วนราชการ และผู้เกี่ยวข้อง ร่วมประชุมผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ ณ ห้องประชุมพระศรีศาสดา (POC) ชั้น 3 ศาลากลางจังหวัดพิษณุโลก (หลังเก่า) เพื่อติดตามสถานการณ์น้ำและวางแผนรับมืออุทกภัยในพื้นที่ลุ่มน้ำยม–น่าน ซึ่งยังมีแนวโน้มเกิดฝนตกหนักและน้ำหลากในช่วงฤดูฝนนี้

 

ซึ่งการประชุมมีนายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในฐานะประธานกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) เป็นประธาน โดยเน้นย้ำถึงผลกระทบจากพายุ “วิภา” และร่องมรสุมที่พาดผ่านภาคเหนือตอนบน ส่งผลให้หลายพื้นที่ประสบอุทกภัย โดยเฉพาะพื้นที่ลุ่มน้ำยมซึ่งยังไม่มีอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่รองรับ ทำให้มีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดน้ำหลาก

สำหรับจังหวัดพิษณุโลกร่วมกับสำนักงานชลประทานที่ 3 ดำเนินการตามมาตรการรับมือฤดูฝนปี 2568 อย่างเข้มข้น โดยเฉพาะในพื้นที่ลุ่มน้ำยม ซึ่งเป็นพื้นที่รับน้ำจากตอนบน โดยสำนักงานชลประทานที่ 3 เฝ้าระวังสถานการณ์ตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมปรับแผนบริหารจัดการน้ำให้สอดรับกับปริมาณฝนและการระบายจากเขื่อน รวมถึงดำเนินการเชิงรุก อาทิ การเสริมแนวป้องกันน้ำ การติดตั้งเครื่องสูบน้ำในจุดเสี่ยง การเตรียมพื้นที่หน่วงน้ำใน “บางระกำโมเดล” ที่สามารถรองรับน้ำได้กว่า 400 ล้าน ลบ.ม. ภายหลังฤดูเก็บเกี่ยวกลางเดือนสิงหาคม

ในปัจจุบัน ระดับน้ำในแม่น้ำยมเริ่มลดลงในหลายพื้นที่ แต่ยังมีบางจุดในจังหวัดสุโขทัยที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น จังหวัดพิษณุโลกในฐานะจุดยุทธศาสตร์ของลุ่มน้ำตอนกลาง จึงได้ร่วมกับจังหวัดอุตรดิตถ์และสุโขทัย บูรณาการควบคุมมวลน้ำจากตอนบนเข้าสู่แม่น้ำน่าน และเปิดบานระบายน้ำทุกจุด พร้อมเสริมแนวป้องกันน้ำในเขตเศรษฐกิจและพื้นที่เสี่ยงซ้ำซาก

จากข้อมูลสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ลุ่มน้ำยมมีแหล่งน้ำ 3,859 แห่ง ความจุรวม 533 ล้าน ลบ.ม. ปัจจุบันมีปริมาตรน้ำ 317 ล้าน ลบ.ม. (60%) ขณะที่ลุ่มน้ำน่านมีแหล่งน้ำ 4,337 แห่ง ความจุรวม 10,809 ล้าน ลบ.ม. มีปริมาตรน้ำ 7,814 ล้าน ลบ.ม. (72%) ยังสามารถรองรับปริมาณฝนในระยะต่อไปได้

 

ทั้งนีรองนายกรัฐมนตรีเน้นย้ำว่า ช่วงเดือนสิงหาคมถึงตุลาคมเป็นช่วงที่ยังมีความเสี่ยงสูงต่ออุทกภัย จึงขอให้ทุกหน่วยงานเร่งดำเนินมาตรการเชิงรุก โดยเฉพาะในพื้นที่เสี่ยง และต้องบูรณาการการระบายน้ำจากเขื่อนสิริกิติ์และเขื่อนแควน้อยบำรุงแดนผ่านกลไกศูนย์บริหารจัดการน้ำส่วนหน้าให้เกิดผลกระทบน้อยที่สุดต่อพื้นที่ท้ายน้ำ พร้อมสำรองน้ำให้เพียงพอต่อการใช้งานในฤดูแล้งถัดไป ทั้งนี้ ได้มอบหมายให้จังหวัดพิษณุโลก สำนักงานชลประทานที่ 3 และจังหวัดใกล้เคียงเตรียมพร้อมรับมือน้ำหลากในช่วงที่เหลือของฤดูฝน ทั้งในด้านการแจ้งเตือนภัย การจัดตั้งศูนย์พักพิงชั่วคราว และการสื่อสารกับประชาชนในพื้นที่อย่างทั่วถึง