วันที่ 31 ก.ค.2568 เวลา 02.30 น.ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) ฉก.ตชด.32 ร่วมกับทหารพราน ฉก.ทพ. 31 และสถานีเรือเชียงของ หน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง (นรข.) เขตเชียงราย ได้นำกำลังออกตรวจตราตามริมฝั่งแม่่น้ำโขงชายแดนไทย-เมียนมา ด้าน อ.เชียงของ จ.เชียงราย ตรงกันข้ามเป็นเมืองห้วยทราย แขวงบ่อแก้ว สปป.ลาว ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้ตรวจพบรถยนต์กระบะ ยี่ห้อโตโยต้า 4 ประตู สีขาว ขับไปจอดตรงบริเวณช่างทางธรรมชาติติดแม่น้ำโขงพื้นที่หมู่บ้านโจ้โก้ หมู่ 10 ต.เวียง อ.เชียงของ จึงตรงเข้าไปตรวจสอบปรากฎว่าพบบุคคล แต่เมื่อพบเห็นเจ้าหน้าที่ได้ไหวตัวทันและหลบหนีไปก่อนหน้านี้
โดยเจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจยึดรถยนต์คันดังกล่าวเอาไว้เนื่องจากมีลักษณะกำลังจะลักลอบส่งออกโดยไม่ผ่านพิธีการทางศุลกากรตามวันและเวลาที่ถูกต้อง จากนั้นได้นำรถไปตรวจสอบถึงที่มาเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ชายแดนยังได้เข้มงวดตรวจตราการลักลอบส่งออกรถยนต์และจักรยานยนต์โดยเฉพาะชายแดนไทย-สปป.ลาว ที่ติดกับแม่น้ำโขงด้าน อ.เชียงชอง และ อ.เวียงแก่น จ.เชียงราย อย่างต่อเนื่องเนื่องจากระยะทางชายแดนประมาณ 100 กิโลเมตร มักมีการลักลอบส่งออกรถยนต์และจักรยานยนต์ไปยังประเทศเพื่อนบ้านหลายครั้งทำให้กองบัญชาการป้องกันความสงบ (ปกส.) หรือตำรวจของแขวงบ่อแก้ว ได้มีการตรวจสอบเต๊นท์รถที่รับรถลักลอบข้ามแดนจากฝั่งไทยไปจำหน่ายโดยให้ผู้เกี่ยวข้องกับเต๊นท์รถนำเอกสารหรือการกู้ยืมเงินกับเต๊นท์ไปแจ้งเจ้าหน้าที่ ปกส.แขวงบ่อแก้ว ภายในวันที่ 30 ก.ค.ที่ผ่านมา
ถึงกระนั้นช่วงเดือน ก.ค.-ส.ค.2568 มีรายงานว่าขบวนการค้ารถเถื่อนจะลักลอบส่งออกรถไปยัง สปป.ลาว ผ่านทางช่องทางดังกล่าวอีกเป็นจำนวนมาก โดยที่ผ่านมามีกระแสอีกว่าได้มีการจ่ายเงินค่าข้ามแม่น้ำคันละ 150,000 บาท ทำให้เจ้าหน้าที่ได้เข้มงวดตรวจตราอย่างต่อเนื่อง