วันที่ 29 ก.ค.68 นายชินวัฒน์ ตั้งสุทธิจิต กรรมการและรองเลขาธิการมูลนิธิสโมสรมิตรภาพวัฒนธรรมสากล โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ชินวัฒน์ ตั้งสุทธิจิต ระบุว่า...
ทันการข่าว และเส้นทางคมนาคม
เมื่อเปรียบเทียบการเล่นข่าวระหว่างการปะทะไทยกับกัมพูชา เราตามเขาไม่ทันฝ่ายรัฐบาลดูเงียบสนิท ขณะที่ทางกัมพูชาออกข่าวจริง ๆ เท็จ ๆ เท็จ ๆ จริง ๆ ทั้งข่าวภาษากัมพูชาเพื่อส้รางความเชื่อมั่นให้คนในประเทศและข่าวภาษาอังกฤษเพื่อสื่อสารกับชาวโลก งานนี้ใครไวข่าวออกไปก่อนย่อมได้เปรียบ ส่วนเท็จจริงนั้นค่อยว่ากันทีหลัง ทั้ง ๆ ที่ฝ่ายไทยได้เปรียบในทุกด้าน
สมัยสามก๊ก เมื่อหลังศึกปราบตั๋งโต๊ะเป็นต้นเหตุ เหล่าบรรดาขุนศึกต่างรอจังหวะตั้งตนเป็นใหญ่และขยายอำนาจ ส่วนราชสำนักฮั่นเหลือเพียงนามเท่านั้น
กุยแก กุนซือของ โจโฉ แยกข้อดีข้อเสียระหว่าง โจโฉกับอ้วนเสียว ซึ่งมีฐานอำนาจและไพร่พลเหนือกว่าฝ่ายโจโฉ ซุนฮก แนะนำให้อุ้มชูฮ่องเต้ในฐานะโอรสสวรค์ผู้มีอำนาจชอบใช้อำนาจราชสำนักออกคำสั่งเหล่าบรรดาเจ้าเมืองและขุนศึก เมื่อโจโฉปราบลิโป้ - อ้วนเสียว ก็ยึดฐานที่มั่นภาคเหนือและภาคกลางเป็นหลัก สถานการณ์เริ่มแจ่งมชัดว่าแผ่นดินกำลังจะแบ่งเป็นหลายก๊ก
ซุนเซ็น เริ่มส้รางเนื้อสร้างตัวขยายอาณาเขตลงมาจากภาคตะวันออกและจีนตอนใต้ สืบทอดอำนาจมาถึงน้องชาย มีจิวยี่และเตียวเจียวเป็นที่ปรึกษาภายในและภายนอก จนกระทั่ง จิวยี่ ได้แนะนำตัว โลซก ให้เป็นที่ปรึกษากับ ซุนกวน เมื่อแรกพบโลซก ก็เสนอให้รักษาฐานอำนาจและยึดครองเกงจิว - ซงหยง ไว้ให้จงได้ และตั้งตนเป็นฮ่องเต้ สร้างราชวงศ์ใหม่ ผูกพันธมิตรเพื่อต่อต้ายฝ่ายโจโฉที่ถืออาญาอำนาจราชสำนักฮั่น
ขณะที่ชาวนาหนุ่มน้อย จูกัดเหลียง -ขงเบ้ง เฝ้าสังเกตุสถานการณ์บ้านเมือง เมื่อพระเจ้าอาเล่าปี่ น้อมกายไปขอพบถึงสามครั้งสามคราที่กระท่อมชาวบ้านนอกเมืองซงหยง ขงเบ้ง จึงเสนอยุทธศาสตร์หลงจง ให้เล่าปี่ ส้รางเนื้อสร้างตัวยึดเมืองเกงจิง - ซงหยงไว้เป็นฐานอำนาจแล้ว ขยายไปอีกที่ที่เสฉวนเหมือนกับที่ เล่าปัง - พระเจ้าฮั่นโกโจ ผู้สถาปนาราชวงศ์ฮั่นได้สร้างทางไว้เป็นตัวอย่าง แล้วใช้เกงจิง - ซงหยง เป็นกำลังหลักในการบุกตีโจโฉ โดยผูกมิตรกับฝ่ายซุนกวน และให้เสฉวนเป็นกองหนุน
แผ่นดินจีนก็ถูกแบ่งออกเป็นสามก๊ก เมื่อเสร็จศึกหน้าผาแดง เล่าปี่ ตั้งตัวได้สำเร็จ แบ่งเป็น จ๊ก - วุ่ย - ง่อ เมื่อโจโฉสิ้นบุญ โจผีปล้นราชบังลังค์ราชวงศ์ฮั่น ตั้งตนเป็นฮ่องเต้ เล่าปี่จึงสืบอายุราชวงศ์ฮั่นสถาปนาตนเป็นฮ่องเต้ แล้วตามด้วย ซุนกวน โดยลำดับ
หากใครติดตามภาพยนตร์สามก๊ก ฉบับ 1994 แปลเป็นภาษาไทยโดย ทองแถม นาถจำนงและคณะ ตลอดทั้งเรื่องจะมีการเช็กฝ่ายข่าวทั้งข่าวกรอง ข่าวลือ และข่าวโคมลอว ช่วงชิงความได้เปรียบของแต่ละฝ่าย และหวังผลการนำ
ช่วงปลายสามก๊ก ศึกระหว่าง วุยก๊กกับจ๊กก๊กที่มีเกียงอุยเป็นแม่ทัพใหญ่ ก็ล้วนแข่งขันกันด้วยการข่าว และตั้งทัพยันเขตแดน หลายครั้งฝ่ายวุยก๊กก็พลาดพลั้งเป็นลูกไล่ และหลายครั้งฝ่ายจ๊กก๊ก ก็ตื่นข่าวไม่มงคลเพราะฝ่ายการเมืองภายในอ่อนแอจนชาวบ้านขุนนางต่างไม่พูดถึงเรื่องบ้านเมือง
การชิงพื้นที่ข่าวมีมานานแล้วตั้งแต่ยุคโบราณจนถึงปัจจุบัน เพราะกลไกการข่าวจะส้รางความชอบธรรมให้กับประชาคมโลก แม้กำลังทหารจะได้เปรียบทุกด้าน แต่ถ้าการข่าวอ่อนแอขาดประสิทธิภาพในการสื่อสารนอกเหนือจากชาวบ้านและประชาคมโลก ในอำนาจการต่อรองทุกอย่างล้วนมีเงื่อนไข โดยเฉพาะยุทธศาสตร์สื่อที่จะตอบโต้ต่างฝ่ายต่างหมายมุ่งชัยชนะ
ถือโอกาสชักชวนเพื่อนเที่ยวทริปพิเศษสามก๊กตะวันออก อู่ฮั่น - หูเป่ย์ (9 วัน 8 คืน) นาชมโดย ชินวัฒน์ ตั้งสุทธิจิต ผู้เขียน “ท่องไปในดินแดนสามก๊ก อู่ฮั่น – หูเป่ย์” ออกเดินทาง 13-21 พฤศจิกายน 2568 เดินทางโดยสายการบินแอร์เอเซียกินหรูอยู่ดี และได้รับหนังสือ “ท่องไปในดินแดนสามก๊ก อู่ฮั่น – หูเป่ย์” คนละหนึ่งเล่มทุกท่านที่ร่วมเดินทางครั้งนี้