วันที่ 29 ก.ค.2568 ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังไทย-กัมพูชา ได้ข้อสรุปเรื่องหยุดยิงว่า ขอให้เชื่อมั่นในฐานะที่ตนเคยเป็นอดีตทหาร และเคยมีประสบการณ์วางแผนการรบ ซึ่งต้องมองให้ครอบคลุม โดยเมื่อวันที่ 28 ก.ค. ก่อนที่จะไปเจรจา ตนได้มีการหารือกับ ผบ.เหล่าทัพว่า เวลาที่รับได้คือเท่าไหร่ ทางผบ.เหล่าทัพสรุปเป็นเวลา 18.00 น. แต่ทางกัมพูชาขอเป็นเที่ยงคืน ซึ่งตนได้หารือกับ ผบ.เหล่าทัพอีกครั้ง พอจะรับเงื่อนไขได้ เพียงแต่ห่วงใยเพราะเป็นช่วงเวลากลางคืน โดยทุกท่านบอกว่าหนักใจ
เนื่องจากกัมพูชาเคลื่อนย้ายกำลังมามาก อยากให้ประชาชนเข้าใจตนทำทุกอย่างร่วมกับกองทัพ ไม่ได้ทำคนเดียว รวมถึงพูดคุยกับรัฐบาล ยืนยันว่าก่อนเจรจาหยุดยิงตนมีเงื่อนไขว่า หยุดยิงแล้วจะทำอะไรต่อไป จึงเป็นที่มาขอทาง 7 ข้อที่ทางกระทรวงการต่างประเทศแถลง และในที่ประชุมก็ยอมรับ โดยมีมาเลเซีย สหรัฐอเมริกาและจีนเป็นพยาน เงื่อนไขเหล่านี้จะเกิดตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ดังนั้น การประชุมคณะกรรมการส่วนภูมิภาค (อาร์บีซี) ในวันนี้ไม่ใช่การประชุมเต็มรูปแบบ มอบหมายให้แม่ทัพภาคที่ 2 และแม่ทัพภาคที่ 1 ไปคุย ให้ได้ข้อยุติ ซึ่งให้ไปหารือกันใน 6 ประเด็น ส่วนอีกประเด็นที่ไม่ต้องคุย เนื่องจากต้องเอาข้อสรุปนั้นมาหาข้อสรุปในคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (จีบีซี)
พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า ขอให้ทุกคนสบายใจได้ว่าการหยุดยิง ไม่ใช่ว่าสั่งหยุดเมื่อคืนนี้แล้วทั้งสองฝ่ายจะมาเล่นตะกร้อ นั่งกินข้าวด้วยกัน ยืนยันต้องมีการคุยกันต่อไป ใน 7 ข้อนั้นอาจจะจบเดือนหน้าหรือไม่ ยังไม่รู้ แต่การหยุดยิงทำให้ลดความสูญเสียของประชาชน เพราะปัจจุบันประชาชนเสียชีวิต 14 ราย บาดเจ็บ 48 ราย ทหารเสียชีวิต 12 ราย บาดเจ็บ 160 ราย 1 นั้นมีพิการขาขาด 4 ราย ซึ่งเป็นกำลังหลักครอบครัว ยืนยันตนต้องคิดทุกอย่าง แต่ในระดับของผบ.เหล่าทัพจะมาคิดแบบตนไม่ได้ อยากให้สังคมเข้าใจ
นอกจากนี้ ก่อนไปเจรจาตนได้คุยกับผบ.เหล่าทัพว่า การยุทธจะคืบหน้าได้เร็วหรือไม่ อาจคืบหน้าได้ไม่มากกว่านี้เท่าใดนัก ในขณะเดียวกัน ได้ฝากกระทรวงการต่างประเทศได้ประณามการโจมตีพลเรือนจากฝ่ายกัมพูชา โรงเรียน โรงพยาบาล นอกจากนี้ ยังใช้ประชาชนของตัวเองเป็นโล่มนุษย์ด้วยการนำอาวุธหนักไปตั้งในหมู่บ้านเพื่อโจมตีไทย ผิดหลักอนุสัญญาเจนีวา ผิดอนุสัญญาออตตาวา
พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า หากตนสั่งว่าไม่หยุดยิง ให้เดินหน้าต่อไป ก็จะมีลูกน้องของตนและประชาชนได้รับบาดเจ็บ ในห้วงนี้เราจะเร่งรัดไม่ได้ ถือเป็นเรื่องเจ็บปวด อยากให้นึกถึงครอบครัวของเขา การหยุดยิงชะลอการสูญเสียไปได้ แต่หลังจากนั้นต้องมีเงื่อนไขกันต่อไป ซึ่งต้องมาคิดในระดับรัฐบาลและมิติอื่น การที่ตนร่วมยอมรับกับข้อตกลงเมื่อวันที่ 28 ก.ค. ทำภายใต้นโยบายของรัฐบาล การต่างประเทศ และเศรษฐกิจ เราต้องชั่งน้ำหนักในทุกมิติ แต่ในสัปดาห์หน้าสถานการณ์อาจเป็นอีกแบบหนึ่ง ต้องมาคิดกัน ขออย่ากังวล ยืนยันว่ารัฐบาลและกองทัพคำนึงถึงอธิปไตยของชาติ
ผู้สื่อข่าวถามว่า ที่ระบุว่าเป็นห่วงลูกน้อง ประชาชน แต่เหตุใดการเจราจึงไม่ยื่นข้อเสนอให้ปรับกำลังทหารและอาวุธหนักออกไป เพราะปัจจุบันอาวุธยังประจำอยู่ในพื้นที่ และยังสร้างความเสียหายให้ประชาชนเหมือนเดิม พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า ในเวทีอย่างนั้นจะมานั่งคุยเงื่อนไขเช่นนี้ได้อย่างไร ต้องให้แม่ทัพเป็นผู้ไปคุย แม่ทัพจะรู้ว่าอาวุธหนัก จรวดหลายลำกล้อง รถถัง ปืนเล็ก ในพื้นที่ซึ่งมีจำนวนมาก จะเคลื่อนย้ายกันอย่างไร กำลังที่เอามาเพิ่มเติม กำลังที่อยู่ในที่หมายจะทำอย่างไร ต้องลงรายละเอียด จะให้เวทีนั้นมาคุยเรื่องนี้คงไม่ได้ และถ้าให้ตนไปคุยสื่อก็จะมาด่าอีกว่า เพราะเหตุใดไม่ถามกองทัพ นี่ไงตนจึงให้กองทัพไปคุย เพื่อให้มีส่วนร่วม หากกองทัพยังคุยไม่จบก็ไม่จบ
เมื่อถามย้ำว่า ก่อนหน้าปะทะ รัฐบาลก็ให้กองทัพคุยเช่นกันแต่ก็ไม่จบ รอบนี้ให้กองทัพไปคุยอีก แล้วจะจบหรือไม่ พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า “หากไม่จบก็ไม่จบ และอาจจะยิงกันใหม่ได้”
เมื่อถามว่า การเจรจาให้หยุดยิงเกี่ยวข้องกับการเจรจาภาษีทรัมป์หรือไม่ พล.อ.ณัฐพล ปฏิเสธด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า ไม่ ตนดูทุกด้าน ต่างประเทศ เศรษฐกิจ ได้อธิบายมาตั้งแต่ต้นแล้ว อยากให้พูดด้วยความเข้าใจ ไม่ใช่แค่มุมเดียวมากล่าวหา
ผู้สื่อข่าวถามว่า ในฐานะที่เป็นทหารด้วย มีความมั่นใจในกัมพูชาหรือไม่ เพราะขณะนี้ยังมีการสู้รบ และการเคลื่อนไหวอยู่ พล.อ.ณัฐพลกล่าวว่า ไม่ได้เชื่อ ต้องมีสิ่งพิสูจน์ เพราะเมื่อวันที่ 28 ก.ค. ประชุมก็พูดกัน ต้องพูดกันตรงๆ เพราะเราอยากได้ความเชื่อมั่น และความไว้วางใจ
เมื่อถามว่า เราจะเรียกร้องอย่างไรไปทางฝั่งกัมพูชาให้เกิดความเชื่อมั่นมากขึ้นว่าเขาไม่ได้ปฏิบัติตามที่ตกลงกันไว้ พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า อย่างที่ตนบอกอยู่ตรงนี้ ถ้าตกลงอะไรไปแล้วเขาปฏิบัติตาม ตนจะไม่ทราบ ตนจึงให้กองทัพเป็นคนคุย ซึ่งกองทัพต้องดูว่าเป็นไปตามนั้นหรือไม่ และกองทัพรายงานมาว่าเขาไม่ทำตามข้อตกลง หรือตนไปตกลงอะไร กองทัพอาจบอกว่าไม่ใช่ ไม่ใช่สิ่งที่เราต้องการ ตนจึงให้กองทัพเป็นคนพูด
อยากให้สื่อมวลชนทำความเข้าใจตรงนี้ มันเป็นกระบวนการในการมอบความรับผิดชอบ สิ่งที่เขาต้องรับผิดชอบ เพราะตนเชื่อใจเลยว่า แม้ตนจะเอา 6 ข้อไปนั่งคุยตรงนั้นจนเรียบร้อยกลับมา กองทัพภาคที่ 1 อาจจะพอใจ แต่กองทัพภาคที่ 2 อาจไม่พอใจ ประชาชนบางส่วนพอใจบางส่วนไม่พอใจ เพราะฉะนั้น จึงให้กองทัพเป็นคนคุยกัน
เมื่อถามว่า ฝ่ายการเมืองตกลงยิงกันแล้ว แต่ฝ่ายทหารยังไม่ปฏิบัติตาม ในฐานะที่เป็นทหารและเป็นรัฐมนตรีด้วยเห็นอย่างไร พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า ก็อยู่กันอย่างนี้ต่อไป
เมื่อถามย้ำว่า ไม่ได้หยุดยิงอย่างแท้จริงใช่หรือไม่ เขายิงมา เราก็ยิงไป พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า “ใช่ เขายิงมา เราก็ยิงไป เมื่อช่วงเช้าได้อนุญาตแล้วว่าถ้าเขายิงมาเราก็ยิงไป ตอบโต้กันไป ไม่ใช่เราหยุดยิงเขาไม่หยุดยิงและเรานั่งรอให้เขายิง ท่านคิดว่าผมสั่งอย่างนี้เหรอ”
ผู้สื่อข่าวถามว่า ในการเจรจาอย่างน้อยควรให้มีการปรับกำลังทั้งสองฝ่ายเอาอาวุธหนักออกไป น่าจะเป็นผลดีถ้าฝั่งกัมพูชาเขายอมรับ พล.อ. ณัฐพล กล่าวว่า ต้องถามว่าถ้าปรับกำลังเอา อะไรออกก่อน ออกหลัง รถถัง ปืนใหญ่ จรวดหลายลำกล้อง
เมื่อถามย้ำว่า ในพื้นที่ต้องไปพูดคุยกัน แต่พวกท่านไปพูดคุยกันโดยไม่มีเงื่อนไข ซึ่งเป็นไปตามที่ พล.อ.ฮุน มาเนต ต้องการหมดเลย พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า จะไม่มีเงื่อนไขได้อย่างไร
เมื่อถามอีกว่า ถ้ามีเงื่อนไข แล้วทำไมถึงแถลงออกมาให้สองฝ่ายหยุดยิงโดยไม่มีเงื่อนไข พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า ก็มอบให้กองทัพไปพูดคุย ซึ่งเป็นเงื่อนไขที่กองทัพบกกำหนดมา เราต้องให้กองทัพบกเป็นคนแถลงมีเงื่อนไขอะไรบ้าง
เมื่อถามอีกว่า ตอนนี้ยังไม่มีเงื่อนไขอะไรเลย แล้วจะคุยกันอย่างไร การประชุมอาร์บีซีก็เลื่อน พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า แม่ทัพคุยกันอยู่ ตนบอกทางแม่ทัพว่าคุยกันไป ถ้าไม่รู้เรื่องก็คุยกันไปเรื่อยๆ ถ้าจะยิงก็ยิงกันต่อไป เขายิงมาเราก็ตอบโต้ไป ไม่ใช่ว่าเราหยุดยิง เขายิงมาแล้วเรานิ่งเฉย มันไม่ใช่ เราทำทั้งสองอย่าง
เมื่อถามย้ำว่า จะเจรจาหยุดยิงไปเพื่ออะไร ในเมื่อสถานการณ์เป็นแบบนี้ พล.อ. ณัฐพล กล่าวว่า ถ้าเราไม่เจรจาหยุดยิงมันจะแรงกว่านี้
เมื่อถามว่า ขณะนี้ยังมีการยิงกันอยู่ พล.อ. ณัฐพล กล่าวว่า แต่เป็นการยิงโดยปืนเล็กและอาวุธที่ไม่ใหญ่ ซึ่งคาดว่าไม่มีการใช้จรวดหลายลำกล้อง PHL-03 หรือ ฝ่ายเรามีการใช้กำลังจากกองทัพอากาศ นั่นแหละที่ถือว่าเป็นการละเมิด ซึ่งนานาชาติจะได้เห็น แต่ถ้าเมื่อไหร่ก็ตาม ถ้าเขาใช้เราก็ยังไม่หยุด ท่านไม่ต้องเป็นห่วง เราจะมีการตอบโต้อย่างสมน้ำสมเนื้อ สมเหตุสมผล แสดงเจตนารมณ์ให้นานาชาติเห็นว่าประเทศไทยเคารพในสังคมโลกตามกฎหมายระหว่างประเทศ ตามการเมืองระหว่างประเทศเป็นไปตามขั้นตอน
" วันนี้เป็นแบบนี้ พรุ่งนี้อาจจะเป็นอีกแบบหนึ่งก็ได้ ขอให้ทุกคนเข้าใจ เราไม่ได้ไปเกี้ยเซียะกับใครเลย เรายึดหลักผลประโยชน์ของชาติ" พล.อ.ณัฐพล กล่าว
เมื่อถามว่า มีใบสั่งมาหรือไม่ พล.อ. ณัฐพลกล่าวว่า “ไม่มีหรอกครับ คนอย่างผมไม่ได้สนใจหรอกว่า จะต้องมาเติบโตทางการเมือง” ทุกคนรู้อยู่แล้ว สื่อบางคนเข้าใจตนดี พอจบภารกิจเขาไม่ให้ทำ ก็ไปอยู่บ้าน มีความสุข ไม่ต้องมานั่งเจอคนด่าอย่างนี้ แต่ถ้าตนยังอยู่จะทำให้ดีที่สุด คิดถึงผลประโยชน์ของชาติ เพราะฉะนั้น ตนไม่สนใจเรื่องใบสั่ง จะเอาเกียรติยศของตัวเองมาแลกตรงนี้ทำไม เป็นทหารมาทั้งชีวิต คิดว่าเพียงพอแล้ว สื่อมวลชนไม่ต้องเป็นห่วง การที่ตนยืนตอบนานๆอยากจะสื่อสารให้เข้าใจจะได้ไปสื่อสารกับสังคม แต่จริงๆ ทุกคนทราบดีว่า แม้ว่าตนจะพูดขนาดนี้ก็ยังมีสื่อบางท่านไม่เข้าใจ ไม่เป็นไร ตนถือว่า ได้พูดไปหมดแล้ว สื่อที่มีความเข้าใจน่าจะมีบ้าง สื่อ 30 กว่าสำนักมีเข้าใจตนสำนักเดียว ก็ดีใจแล้ว
เมื่อถามว่า สถานการณ์ขณะนี้ประชาชนควรจะปฏิบัติตัวอย่างไร พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า ตอนนี้ต้องฟังกระทรวงมหาดไทย ซึ่งดูแลประชาชนอยู่ กระทรวงมหาดไทยจะประเมินร่วมกับกองทัพ ซึ่งสถานการณ์เป็นแบบนี้ประชาชนอาจจะต้องรอสักระยะหนึ่ง ในส่วนของกระทรวงพาณิชย์และกระทรวงการคลังจะเข้าไปดูแลผู้ประกอบการที่ได้รับความเดือดร้อนตามแนวชายแดน ตนได้แจ้งทางรัฐบาลแล้วว่าขอให้ช่วยดูแลด้วย อย่าปล่อยให้กองทัพหรือกระทรวงกลาโหมดำเนินการแต่เพียงลำพัง กระทรวงการต่างประเทศก็ช่วยด้วย
"ขอให้เห็นใจเมื่อวานนี้ตนกลับมาดัชนีความสุขไม่มีเลย ซึ่งตนไปพบกับทางผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) และผบ.เหล่าทัพไปปรึกษาพูดคุยว่า ถ้ามันออกอย่างนี้จะเอาอย่างไร ซึ่งทาง ผบ.ทสส.ได้ช่วยให้ข้อเสนอแนะ ซึ่งมีความเห็นสอดคล้องร่วมกัน และกำลังจะไปดำเนินการต่อ“ พล.อ.ณัฐพล กล่าว
เมื่อถามว่า พื้นที่สีแดงขณะนี้ยังไม่มีความปลอดภัยใช่หรือไม่ พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า ถูกต้อง รอประเมินอีกที
เมื่อถามว่า ขณะนี้ยังมีการปะทะกันอยู่มีคนตั้งคำถามว่าตกลงแล้วคนที่มีอำนาจตัดสินใจจริงๆ เป็น พล.อ.ฮุน มาเนต หรือใครกันแน่ พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า ตนไม่ทราบ เราไม่ต้องไปสนใจฝ่ายกัมพูชาเขาหรอก