วันที่ 29 ก.ค.68 เวลา 8.30 น.ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่า ที่บริเวณจุดผ่านแดนถาวร ตลาดบ้านแหลม ต.เทพนิมิต  อ.โป่งน้ำร้อน จ. จันทบุรี พบสถานการณ์โดยรวม ยังคงมีชาวกัมพูชาราว 5,000 คน ที่ตกค้างหลังจากด่านฝั่งไทยปิดลงเมื่อเวลา 15.00 น. ของวันที่ 28 ก.ค. 68 ที่ผ่านมา และยังมีทยอยเดินทางกลับมารอนอนค้างในเต็นท์ที่พักหน้าด่าน เพื่อหวังเดินทางกลับประเทศอย่างต่อเนื่อง 

 

ภายหลังจากที่ช่วง 00.400 น. กลางดึกคืนที่ผ่านมาสำนักข่าวช่องหลักและสื่อโซเชี่ยลเผยแพร่ รายงานข่าวจากกองทัพภาคที่ 2 ว่าในพื้นที่ปราสาทตาควาย อ.พนมดงรัก มีเสียงระเบิด ในช่วงเวลา 03.00 น. และ  05.00น. พื้นที่ ภูมะเขือ   จ.ศรีสะเกษ ทหารกัมพูชายิงก่อกวนทหารไทยทั้งคืน  จึงมีการยิงตอบโต้ระหว่างทหารไทยกับทหารกัมพูชาต่อเนื่อง โยพื้นที่ซำแต มีการยิงตอบโต้กันจนถึงเวลา 05.30 น. นอกจากนี้ทหารกัมพูชาใช้ระเบิดเปิดฉากยิงตลอดทั้งคืน

ล่าสุดเวลา 08.40 น. มีรายงานว่า กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง โดยทหารกัมพูชา ยิงปืนใหญ่ใส่ทหารไทย เนินโนเนม พื้นที่ช่องบก จ.อุบลราชธานี ซึ่งจากกระแสข่าวดังกล่าว ยังคงสร้างความแตกตื่นให้กับชาวกัมพูชา ที่ยังทำงานอยู่ในไทย ซึ่งทั้งภาคการเกษตรและอุตสาหกรรม กลัวความไม่ปลอดภัย ประกอบกับกระแสข่าวลือ ในหมู่ชาวกัมพูชาด้วยกันเองว่า”หากใครยังอยู่ในประไทญ อาจจะถูกตัดสัญชาติ” นั่นจึงเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ยังคงมีชาวกัมพูชา จึงยอมอพยพขนข้าวของกลับประเทศ 

ขณะเดียวกันจากสถานการณ์การอพยพของชาวกัมพูชาตลอด 4วันที่ผ่านมา มีการเผยแพร่ข่าวออกสู่สายตามชาวโลก ว่าเป็นดั่งภาพการลี้ภัยสงครามของชาวกัมพูชาครั้งใหญ่ ทำให้มีในวันนี้ เริ่มมีสื่อชาวต่างชาติ เข้ามาเกาะติดสถานการณ์ การอพยพของชาวกัมพูชา ที่จุดถาวรตลาดบ้านแหลม เพื่อนำเสนอข้อเท็จจริงสู่สายตาชาวโลก เกี่ยวกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น

ด้าน ดร.รัฐวิทย์ ตั้งเกียรติพชร นายกสมาคมการค้าชายแดนฯ  กล่าวถึงการสู้รบระหว่างไทยกับกัมพูชา ที่เกิดขึ้นในขณะนี้ ไม่ได้เป็นสิ่งเหนือความคาดหมาย และก็ไม่มีมีใครที่อยากให้เกิด และเกิดการสู้รบขึ้นแล้ว ก็รู้สึกสงสารชาวบ้าน ที่อยู่ทาง อุบล ฯศรีษะเกษ สุรินทร์ และบุรีรัมย์ ที่ต้องสูญเสียชีวิตญาติพี่น้องและทรัพย์สิน ส่วนทางด้านเศรษฐกิจก็พังแน่นอน เพราะระบบการค้าขายเป็นศูนย์  ภาคแรงงาน ก็พังทั้งระบบ