ชายแดนสุรินทร์บรรยากาศตามหมู่บ้านเงียบเหงาเหลือเพียงผู้นำชุมชนและชาวบ้านบางส่วน ที่มีหลุมหลบภัยในบ้านยังอยู่ให้อาหารหมา-แมว ส่วนชาวบ้านที่อพยพเปิดใจ ไทยบินเจรจากับเขมรที่มาเลเซีย อย่ายอมแม้ตารางนิ้วเดียว  

 

วันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่า สถานการณ์ในพื้นที่ อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ ยังคงมีเสียงปืนปะทะกันเป็นระยะตั้งแต่เวลา 03.00 น. เป็นต้นมา แม้ว่าเสียงปืนจะไม่รุนแรงต่อเนื่องเหมือนเมื่อวาน แต่ก็ดังเป็นระยะๆ ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้านก็ยังคงหลบภัยอยู่ตามหลุมบังเกอร์ของหมู่บ้าน

ในขณะที่ชาวบ้านต่างอพยพไปอยู่ในที่ปลอดภัยหมดแล้ว  ทำให้ในหมู่บ้านเงียบสงบไม่มีผู้คนพลุกพล่านเหมือนก่อนเกิดเหตุการณ์ปะทะกัน แต่สิ่งหนึ่งที่ชุดคุ้มครองหมู่บ้านยังคงต้องดูแล นั่นก็คือสุนัข และแมวของชาวบ้าน  ซึ่งแต่ละหมู่บ้านก็มีเยอะพอสมควร โชคดีที่มีผู้ใจบุญบริจาคอาหารสุนัขและอาหารแมวมาบ้าง พอได้ประทังในช่วงนี้  โดยชุดคุ้มครองหมู่บ้านก็จะขับรถตระเวนรอบรอบหมู่บ้านเพื่อเทอาหารสุนัขไว้หน้าบ้านให้สุนัขไล่ออกมากินกันถึงจะไม่มากแต่ก็ก็พอประทังไปในระหว่างที่เจ้าของบ้านยังไม่กลับมา

ขณะที่ชายแดนช่องจอม ต.ด่าน อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ เมื่อเวลาประมาณ 3 ทุ่ม มีรายงานว่าทหารกัมพูชา ขนรถถังอาวุธยุทโธปกรณ์มาประชุดชายแดนด้าน อ.กาบเชิง ไม่ต่างจากชายแดน อ.พนมดงรัก หวังจะบุกชายแดนด้าน อ.กาบเชิง แต่ทหารไทยยิงปืนใหญ่สกัดต่อเนื่องนับสิบนัด จากนั้นเวลาประมาณ ตี 3 ไทยยิงสกัดอีก 2 ลูก  ก่อนที่จะเงียบไปถึงช่วงเช้า แต่ กลับไปยิงสนั่นที่ชายแดนด้าน อ.พนมงดงรัก จนถึงขณะนี้  คาดว่าทหารกัมพูชาจะพยายามยึดปราสาทตาควายและตาเมือนธมให้ได้

ทั้งนี้การปะทะกันยังคงมีอยุ่ต่อเนื่อง ระหว่างที่ รัฐบาลไทยได้รับคำเชิญจากนาย อันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเชีย ในฐานะประธานอาเชียน ให้เดินทางไปร่วมหารือแนวทางสันติภาพในภูมิภาคนี้ ในวันนี้ 28 กรกฎาคม 2568 ณ ทำเนียบนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย กรุงกัวลาลัมเปอร์ โดยคณะจะออกเดินทางจากกองทัพอากาศเวลาประมาณ 10.30 น และเข้าหารือ เวลา 15.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น นั้น

ล่าสุด เมื่อเวลา 23.05 น. นายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว เผยว่า ในวันที่ 28 กรกฎาคมนี้ ตนจะนําคณะตัวแทนกัมพูชาไปประชุมพิเศษที่กัวลาลัมเปอร์ โดยมีมาเลเซียเป็นเจ้าภาพหลัก มีสหรัฐอเมริกาเป็นเจ้าภาพร่วม รวมถึงมีตัวแทนจากประเทศจีนเข้าร่วมด้วย

ด้านนายเรณู   อายุ 53 ปี ชาว บ.ตาพราม ต.เทพรักษา อ.สังขะ จ.สุรินทร์ ที่อพยพมาอยู่บ้านญาตินพื้นที่ จ.สุรินทร์ กล่าวว่า  ตนอยากให้เจรจาไปในทิศทางที่ดี ผลกระทบมีมาก ถ้าเขาไม่ยอม เราก็อย่ายอมเหมือนกัน เราไม่ต้องเสียดินแดนให้เขาแม้ตารางนิ้วเดียว เพราะเป็นของเรา ยังไงชาวบ้านชายแดนที่ทำมาหากินไม่ได้ ยอมอพยพมาแล้ว ก็ให้ทหารไทยสู้และจัดการให้ราบคาบ เขมรต้องมาขอเจรจากับไทยสองต่อสองว่าจะเอายังไง  ให้ทหารสู้ปกปักรักษาดินแดนข้องเรา ประชาชนจะได้อยู่อย่างสงบสุข อพยพมาแล้วให้ทหารเอาให้ถึงที่สุด ให้ชดใช้กับสิ่งที่เขาทำ  ให้รู้บ้างว่าคนไทยไม่ยอม ถ้าเป็นไปได้ ตนก็เป็นหนึ่งที่อยากไปรบช่วยประเทศ ถ้าเป็นไปได้